30 พฤษภาคม 2552

The Science of Aging - ชราศาสตร์: ศาสตร์แห่งการแก่ (ตอนที่ 1)


ในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เมื่อเกือบสองพันหกร้อยปีมาแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงปฐมเทศนา แก่ปัญจวคีย์ทั้ง 5 ซึ่งการแสดงธรรมในครั้งนั้นเป็นผลให้มีพระรัตนตรัยเกิดขึ้นครบองค์บริบูรณ์ เทศนากัณฐ์แรกขององค์ตถาคตนั้นรู้จักกันดีในนามว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ซึ่งว่าด้วยเรื่องของอริยสัจสี่ ปฏิปทาที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์คือมรรคมีองค์แปด และส่วนที่สุดสองอย่างอันบรรพชิตไม่ควรเสพ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมในเรื่องของความทุกข์อันเกิดจาก ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ในที่สุดของความทุกข์ 4 อย่างนี้ ความแก่เป็นความทุกข์ของมนุษยชาติ และเป็นปริศนาที่วิทยาศาสตร์ต้องการไขกุญแจความลับในเรื่องนี้มาโดยตลอด


อะไรที่เป็นกลไกควบคุมเรื่องความแก่ สัตว์อย่างเต่าสามารถมีอายุยืนยาวได้นานนับร้อยๆ ปี แต่ทำไมสัตว์ขนาดเดียวกันชนิดอื่นถึงอยู่ได้แค่ 10 ปี หนูมีอายุขัยประมาณ 2 ปีแต่ญาติห่างๆของมันคือกระรอกกางปีก กลับอยู่ได้เป็น 20 ปี ไม่ต้องอะไรมาก ลิงชิมแปนซี ญาติห่างๆของเราที่มีรหัสพันธุกรรม 99% เหมือนกับพวกเรา แต่พวกเรามีอายุขัยมากกว่าพวกมันถึง 2 เท่า


สถาบันชราศาสตร์แห่งชาติ (National Institute on Aging หรือ NIA) เป็นองค์กรหลักแห่งหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ทำวิจัยเรื่องนี้โดยตรง พร้อมกับให้ทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อทำวิจัยเพื่อไขปริศนาของการแก่ วิธีการหนึ่งทีเขาใช้ก็คือคอยติดตามดูว่ายีนตัวไหนที่ออกฤทธิ์หรือแสดงออก (Gene Expression) บ้างเมื่อเนื้อเยื่อต่างๆ เริ่มแก่ลง ซึ่งจะติดตามดูพร้อมๆกันในเนื้อเยื่อหลายๆ แห่ง ว่ายีนทำงานมากขึ้นหรือน้อยลง ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ของกลไกการแสดงออกของรหัสพันธุกรรม นักวิจัยพบว่าเนื้อเยื่อแต่ละชนิดแสดงอาการแก่ไม่เท่ากันเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยเทคนิคที่พัฒนาขึ้นนี้ นักวิจัยสามารถที่จะติดตามการแสดงออกของยีนนับพันตัว ได้พร้อมๆกันในเนื้อเยื่อ 16 แห่ง ซึ่งทำให้สามารถเฝ้าดูรูปแบบหรือ Pattern ของการทำงานของยีนในเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆที่กำลังแก่ ว่ามีลักษณะอย่างไร


ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าปัจจัยหลัก 2 อย่างที่ทำให้สัตว์โลกทั้งหลายต้องแก่ตัวลง คือ (1) การเสียหายของเนื้อเยื่อ (2) เมตาบอลิซึ่มที่เกิดช้าลง แต่งานวิจัยในระยะหลังๆ นี้กลับพบว่า ในการศึกษาหลายๆ ครั้ง กลับมีผลที่ขัดแย้งกันเอง เช่น การแสดงออกของยีน เนื้อเยื่อในตับ สมอง และ กล้ามเนื้อ ไม่ค่อยจะเปลี่ยนไปนักเมื่อสัตว์แก่ลง ในขณะที่เนื้อเยื่อในปอด ตา และไทมัส มีการแสดงออกของยีนเปลี่ยนแปลงเยอะมาก


ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2,500 ปีที่แล้ว ก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงดับสังขารเพื่อเสด็จสู่ปรินิพพาน ใต้ต้นสาละ เมืองกุสินาราพระองค์ทรงได้ให้ปัจฉิมโอวาทแด่พระภิกษุสงฆ์ที่เข้าเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้น ความว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้ บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด”


ชราศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่กำลังมาแรงในศตวรรษนี้ครับ เพราะเทคโนโลยีระดับโมเลุกล และนาโนเทคโนโลยี ได้เปิดมุมมองหลายๆอย่าง ทำให้เราเข้าใจในเรื่องของความแก่มากขึ้น แต่ท้ายที่สุด เทคโนโลยีของเราจะสามารถเอาชนะการเสื่อมถอยของสังขารได้หรือไม่ เวลาเท่านั้นที่ตอบได้ ........

26 พฤษภาคม 2552

เพนทากอนวางแผนสร้างกองทัพ Terminator


ช่วงนี้ภาพยนตร์ Terminator Salvation กำลังฮ๊อต เดี๋ยวเดือนมิถุนายน 2552 นี้ภาพยนตร์เรื่อง Transformer ภาค 2 ก็จะออกฉาย ดังนั้นช่วงนี้ผมจะนำความคืบหน้าที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ออกมานำเสนอบ่อยหน่อยนะครับ เวลาดูหนังจะได้ออกรสออกชาติมากขึ้น หากมีความรู้ในเรื่องความก้าวหน้าหรือสถานภาพว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์นั้น มันจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

ในภาพยนตร์ Terminator Salvation นั้น มนุษย์ต้องทำการต่อสู้กับหุ่นยนต์ Terminator ซึ่งพวกมันเดินเหิรได้เหมือนคน แต่สถานภาพปัจจุบันของหุ่นยนต์ที่มีความคล้ายคลึงมนุษย์ หรือที่เรียกว่า Humanoid นั้น ยังไม่เจ๋งขนาดนั้นหรอกครับ ดูได้จากเจ้าหุ่นอาซิโม มันมีรูปร่างอุ้ยอ้าย เดินไปเดินมาไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ และที่สำคัญ มันไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการทหาร

ที่นี้มาดูทางฝั่งเพนทากอนบ้างว่าทำอะไรอยู่ ผมมี 2 โครงการมาเล่าให้ฟังครับ จริงๆแล้วมีอีกเยอะ แต่วันนี้เอาแค่ 2 โครงการก็พอ โครงการแรกคือโครงการ Petman ครับ มันเป็นหุ่นที่สร้างขึ้นมาไม่ใช่เพื่อทำสงครามโดยตรง แต่เอาไว้ใช้เพื่อทดสอบชุดทหารอนาคต เพราะชุดทหารในอนาคตจะถูกออกแบบมาให้ป้องกันสารเคมี สารชีวภาพ และกัมมันตภาพรังสีต่างๆ การทดสอบจึงไม่สามารถใช้มนุษย์ได้ ต้องใช้หุ่นยนต์นี้ใส่ชุดทหารแทนมนุษย์ ซึ่งเจ้าหุ่น Petman นี้สามารถเดิน ยืน นอน นั่ง ได้เหมือนมนุษย์ แถมเรายังสามารถจำลองให้มันมีสภาวะคล้ายร่างกายมนุษย์ เช่น จำลองอุณหภูมิผิวกาย สั่งให้เหงื่อออกได้

อีกโครงการหนึ่งนั้นเป็นการพัฒนาต้นแบบหุ่นยนต์ทหารที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ซึ่งเพนทากอนได้ให้ทุน Bucknell University (มหาวิทยาลัยนี้ชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเลยครับ) เพื่อสร้างต้นแบบหุ่นทหาร ที่สามารถเดินข้ามสิ่งกีดขวาง ขึ้นลงบันไดได้ เบื้องต้นเพื่อใช้ติดอุปกรณ์สอดแนมแล้วเดินเข้าไปในบริเวณที่คนไม่กล้าเดินเข้าไป

ตอนนี้ผมทำงานที่ไร่องุ่นที่เขาใหญ่ครับ มองออกไปในไร่เห็นคนงานกำลังแต่งกิ่งองุ่นอยู่ เหงื่อไหลไคลย้อยเห็นแล้วก็สงสาร อดนึกไม่ได้ครับว่าอีกหน่อยคงมีแต่หุ่นยนต์เต็มไปหมด เดินขวักไขว่ทำงานแทนชาวไร่ เพราะงานกลางแดดนี่ร้อนจริงๆ ครับ ถึงเวลาของหุ่นยนต์แล้ว ........

22 พฤษภาคม 2552

นักวิเคราะห์ชี้อย่ากลัว Terminator ครองโลก (ตอนที่ 2/2 ตอนจบ)


ผมจะมาเล่าต่อให้จบนะครับ ..... ในตอนที่แล้วนักวิเคราะห์ได้ออกมาชี้ว่าอย่ากลัวไปเลย เรื่องที่ว่าปัญญาประดิษฐ์จะก่อกบฏปลดแอกและทำสงครามกับมนุษย์เหมือนอย่างในเรื่อง Terminator ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ให้เหตุผลว่าองค์ประกอบทั้ง 4 ที่ผมกล่าวไปในตอนก่อนนั้น ยังไม่เกิดขึ้น โดยให้เหตุผลดังนี้ครับ



  1. ข้อแรก ในเรื่อง Terminator นั้น Skynet มีความรู้สึกว่ามนุษย์จะ shut down ระบบของตน จึงรู้สึกเป็นภัยคุกคาม มันจึงสั่งให้ทำการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง ด้วยการปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ทำลายเมืองใหญ่ๆทั้งหมด แต่สถานภาพของหุ่นยนต์ทหารในปัจจุบันนั้นไม่ได้เจ๋งขนาดนั้น หุ่นยนต์ทหารตอนนี้ยังไม่มีสัญชาตญาณเอาตัวรอดขนาดนั้น เราสร้างให้มันไม่มีความกลัวเสียด้วยซ้ำ เพื่อให้มันปฏิบัติภารกิจแบบลุยๆ

  2. ในเรื่องของการไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ หุ่นส่วนใหญ่ตอนนี้ก็ยังต้องการมนุษย์ดูแลเพื่อบำรุงรักษา ยานบินไร้คนขับอย่าง Global Hawk ที่น่าเกรงขามที่สามารถขึ้นบินได้เอง ปฏิบัติภารกิจได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุมก็ยังต้องการการเติมเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าสักวันหนึ่งปัญหาเรื่องนี้ก็อาจจะหมดไป

  3. ส่วนเรื่องการป้องกันความผิดพลาดล่วงหน้า ด้วยการมีปุ่มยกเลิกนั้น ก็สามารถทำได้ง่าย แต่ในอนาคตเจ้าปัญญาประดิษฐ์ก็อาจจะรู้ทันและหาทางป้องกันได้ด้วย การป้องกันความผิดพลาดล่วงหน้าจึงต้องมีความซับซ้อนไม่ง่ายจนเกินไป

  4. ส่วนเรื่องที่ว่าปัญญาประดิษฐ์ต้องสามารถเซอร์ไพรซ์มนุษย์อย่างไม่ทันตั้งตัวนั้น ปัจจุบันยังไม่เห็นว่าหุ่นยนต์จะมีความสามารถดังกล่าวในอนาคตอันใกล้ แต่ด้วยวิวัฒนาการใหม่ๆ (Robot Evolution) สิ่งไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นได้

ถึงแม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะลงมติในตอนนี้ว่า ดูหนังก็ดูไป ไม่ต้องวิตกกังวลมาก แต่สำหรับผมแล้ว ผมยังมีความรู้สึกว่าในที่สุดแล้ว คอมพิวเตอร์ก็จะฉลาดขึ้นเก่งขึ้นเรื่อยๆ จนมันต้องฉลาดล้ำกว่าคนเราเข้าสักวัน ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ไม่มีหุ่นยนต์ใช้ทำสงครามในอิรักเลยสักตัว แต่ตอนนี้ มีอุปกรณ์ไร้คนขับหรือหุ่นยนต์ใช้ทำสงครามในอิรักอยู่ถึง 12,000 ตัว มีคำถามอยู่เหมือนกันว่า "อ้าว .... ถ้าเทคโนโลยีหุ่นยนต์กับปัญญาประดิษฐ์มันอาจจะมีอันตรายได้ในอนาคต ทำไมเราไม่เลิกทำเรื่องนี้" ผมคิดว่านักการทหารส่วนใหญ่ก็จะตอบกลับมาแบบไม่แยแสว่า "แล้วเรื่องนี้มันเกิดหรือยังล่ะ ????"


อย่าลืมไปดู Terminator Salvation กันนะครับ .....

นักวิเคราะห์ชี้อย่ากลัว Terminator ครองโลก (ตอนที่ 1/2)


เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2552 นี้ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Terminator Salvation ในชื่อไทยว่า คนเหล็ก 4 มหาสงคราม จักรกลล้างโลก ได้เปิดรอบปฐมทัศน์ในอเมริกา ภาพยนตร์ Terminator ซึ่งเดินเรื่องมาถึงภาคที่ 4 แล้วนี้ ได้ขับเคลื่อนมาถึงตอนสำคัญ นั่นก็คือฉากมหาสงครามระหว่างมนุษย์กับ Skynet ซึ่งเป็นจักรกลคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีลักษณะเป็น Superintelligence ที่มีความฉลาดแซงหน้ามนุษย์ไปแล้ว ถ้ายังจำกันได้ภาพยนตร์เรื่องนี้เองที่ทำให้ อาร์โนลด์ ชวาร์ซเนกเกอร์ โด่งดังขึ้นมาจากบทหุ่นยนต์ T-800 ที่ย้อนเวลามาจากโลกอนาคตเพื่อปฏิบัติภารกิจสังหาร ตอนนี้อาร์โนลด์เป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียไปแล้ว แต่ท่านก็ยังแอบสนับสนุน Terminator อยู่ครับ

ภาพยนตร์เรื่อง Terminator ทำให้เกิดคำถามในสังคมครับว่า เหตุการณ์ที่ปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมา จะก่อการกบฏเพื่อปลดแอกตัวเองจากการควบคุมของพวกเรา จนถึงขั้นก่อมหาสงครามเพื่อล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ จะมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตไหม? นักวิเคราะห์ตอบว่าโอกาสเช่นนั้นเกิดได้ยากมากครับ เพราะการที่จะเกิดเรื่องแบบนั้นได้จะต้องมีเงื่อนไข 4 ข้อครับ คือ


  1. เจ้าปัญญาประดิษฐ์และเหล่าหุ่นยนต์จะต้องมีความคิดเรื่องการรักษาตัวรอด ต้องมีสัญชาตญาณของการดำรงเผ่าพันธุ์ ต้องมีแรงปรารถนา และกลัวที่จะต้องสูญเสียอำนาจ

  2. เจ้าหุ่นยนต์จะต้องสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยปราศจากมนุษย์

  3. มนุษย์ไม่ได้ทำระบบป้องกันล่วงหน้า ทำให้ไม่สามารถที่จะปิดปัญญาประดิษฐ์เหล่านั้นไม่ให้ทำงานเลยเถิด

  4. หุ่นยนต์ต้องสามารถที่จะครอบครองความได้เปรียบด้วยการสร้างเซอรไพรซ์จนมนุษย์ไม่ทันตั้งตัว

ในภาพยนตร์เรื่อง Terminator นั้น ปรากฏว่า Skynet มีความสามารถครบทั้ง 4 ข้อเลยครับ ในตอนหน้าผมจะมาคุยต่อนะครับว่า นักวิเคราะห์มองอย่างไร ปัจจุบันเรามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพอหรือยังที่จะกังวลเรื่องนี้ ......

20 พฤษภาคม 2552

แปลงฟ้าเป็นอาวุธ - Weaponizing Weather and Climate (ตอนที่ 3)


ในปี ค.ศ. 208 โจโฉ ได้ยกพลจำนวนกว่า 800,000 นาย พร้อมด้วยจำนวนกองเรือกว่า 2,000 ลำ ล่องเรือมาตามแม่น้ำแยงซีเกียงเพื่อหวังพิชิตชัยด่านสำคัญของซุนกวนที่ผาแดง (Red Cliffs) ในขณะที่ฝ่ายพันธมิตรของซุนกวนกับเล่าปี่นั้นมีกำลังรวมกันเพียง 20,000 คนเท่านั้น ก่อนจะเกิดการรบพุ่งขั้นแตกหักในวันที่ 10 เดือน 10 ขงเบ้งได้รู้ล่วงหน้าว่าอีก 3 วันจะมีหมอกลงหนาในแม่น้ำแยงซีเกียง จึงออกอุบายนำเรือฟางออกไปลวงว่าจะลอบโจมตีทัพเรือของโจโฉ ซึ่งแม่ทัพกองเรือด่านหน้ามองไม่เห็น จึงสั่งกำลังพลระดมยิงธนูออกไปจำนวนมาก โดยหารู้ไม่ว่าเป็นเรือฟางที่ทำไว้ใช้ดักจับลูกธนู ผลก็คือขงเบ้งได้ลูกธนูไปใช้ฟรีๆ ถึง 100,000 ดอก


ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่าเพียงแค่สามารถพยากรณ์ดินฟ้าอากาศได้ล่วงหน้า ก็สามารถใช้เป็นอาวุธที่สร้างความได้เปรียบทางการรบได้ แล้วถ้าหากสามารถเรียกลมเรียกฝนได้ล่ะ จะน่ากลัวขนาดไหน ในพงศาวดารเรื่องสามก๊ก ว่ากันว่า คืนที่เกิดการรบแตกหักระหว่างทัพเรือของโจโฉกับกลุ่มพันธมิตรนั้น ขงเบ้งได้เรียกลมตะวันออกมาเพื่อช่วยให้ระเบิดเพลิง และธนูไฟพัดไปยังทิศทางของกองเรือโจโฉ ลมบูรพาที่กรรโชกมาด้วยความเร็วระหว่าง 40-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้นำพาหายนะไปสู่กองเรือที่ยิ่งใหญ่ของโจโฉ ภายในรุ่งเช้า เรือทั้งหมด 2,000 ลำได้กลายเป็นเถ้าถ่าน .... น่าเสียดายที่ .... ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตกนั้น แม่ทัพนายกองทั้งหลายของไทยต่างก็หวังลมๆแล้งๆ ว่าลมมรสุมจะพาฝนมาท่วมที่ราบภาคกลางก่อนเวลาปกติ ซึ่งจะช่วยไล่ให้กองทัพพม่าหนีน้ำกลับไป มีแต่องค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเท่านั้น ที่ทรงเล็งเห็นว่าสถานการณ์มาถึงจุดที่สายเกินไปแล้ว พระองค์ได้นำทหาร 500 นายแหกวงล้อมพม่าออกไปเพื่อกลับมากู้เอกราชอีกครั้ง


การควบคุมดินฟ้าอากาศให้ได้เคยเป็นความฝันของการทหารในอดีต แต่กำลังจะกลายมาเป็นความจริงในปัจจุบัน ตามประวัติศาสตร์ ขงเบ้ง เป็นคนแรกๆที่ใช้การควบคุมดินฟ้าอากาศเพื่อการทหาร และตอนนี้รัฐบาลจีนกำลังดำเนินรอยตามแนวคิดนี้ครับ รัฐบาลจีนได้ตั้ง Weather Modification Office เพื่อทำวิจัยเรื่องการปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศ ด้วยงบประมาณมหาศาล โดยมีพนักงานทั้งหมด 32,000 คนทั่วประเทศเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นที่อิจฉาโดยนักอุตุนิยมวิทยาในประเทศอื่นๆ Bill Woodley นักอุตุนิยมวิทยาสังกัด องค์กรมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ NOAA กล่าวว่า "มีเรื่องอีกมากที่เรายังไม่รู้ครับ เมื่อเทียบกับจีนซึ่งอัดฉีดเงินลงมาเฉพาะในเรื่องของการสร้างฝนเทียมปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญ ทำให้พวกเราอายม้วนไปเลยครับ ตอนนี้ประเทศจีนเป็นศูนย์กลางของศาสตร์ด้านนี้ไปแล้วครับ"


(ภาพบนขวา - ขงเบ้งกำลังทำพิธีเรียกลม; ภาพล่างสุด - ความงดงามของเสียวเกี้ยว อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่โจโฉต้องกรีธาอภิมหาทัพเรือลงใต้ เพื่อมาแย่งชิงนาง)


18 พฤษภาคม 2552

Dubai Food City - ดูไบเมืองแห่งอาหาร


ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำอย่างตอนนี้ ผมมักจะได้ยินคนพูดกันอยู่บ่อยๆว่า "ไม่ต้องกลัว เมืองไทยยังไงก็ไม่อดตาย ยังไงคนก็ยังต้องกิน" หลายคนฝากความหวังว่าเมืองไทยยังไงก็เป็นครัวโลก เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ยิ่งตอนนี้ประชากรโลกเพิ่มขึ้น ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงทำให้หลายประเทศผลิตอาหารไม่พอกิน ประเทศอาหรับถึงจะเป็นเศรษฐีน้ำมัน มีเงินก็ต้องนำมาซื้ออาหารจากเรา แต่ทว่า ....... ความคิดแบบนี้ระวังจะใช้ได้อีกไม่นานหรอกครับ ด้วยวิศวกรรมเปลี่ยนฟ้าแปลงดิน Geoengineering อีกหน่อยประเทศทะเลทรายอาจจะผลิตอาหารได้มากกว่าประเทศที่อุดมสมบูรณ์อย่างเราก็ได้ วันนี้ผมนำโครงการหนึ่งที่จะขับเคลื่อนความฝันของอาหรับ เพื่อไปสู่ประเทศที่ผลิตอาหารได้เอง โครงการนั้นคือ Dubai Food City

ปัจจุบันประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต้องนำเข้าอาหารถึง 90% เชียวครับ ดังนั้นหาก Dubai Food City นี้ทำให้ประเทศนี้ไม่ต้องนำเข้าอาหารอีกต่อไป ก็ถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแก่การลงทุน ก่อนหน้านี้ประเทศอาหรับได้ไปลงทุนทางด้านการเกษตรในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องข้าวในเวียดนาม เรื่องผักในชิลี และซูดาน ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นคงในด้านอาหาร อีกทั้งกะว่าจะเป็นผู้ส่งออกผลผลิตการเกษตรจากดินแดนที่ตนเข้าไปร่วมลงทุน ก่อนหน้านี้หากยังจำได้ว่า ซาอุดิอารเบียเคยคิดจะเข้ามาลงทุนปลูกข้าวในประเทศไทย แต่ถูกต่อต้านอย่างหนัก ทั้งนี้เขาต้องการเรียนรู้การปลูกข้าว เพื่อนำเทคโนโลยีกลับไปทำในบ้านเขาซึ่งเขาจะปลูกในเรือนควบคุมสภาพอากาศ

Dubai Food City จะเป็นเมืองที่ใช้พลังงานทางเลือก โดยทั้งเมืองจะผลิตพลังงานใช้เองทั้งหมดจากแหล่งพลังงานทางเลือกต่างๆ เช่น Solar Concentrator แต่ละอาคารจะมีเซลล์สุริยะแบบฟิล์มบางบนผิวทั้งหมด ทางเท้ามีระบบเก็บเกี่ยวพลังงานจากการเดินของคน มีเรือนปลูกผัก ผลไม้ ควบคุมสภาพอากาศ มีฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก มีระบบการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่

ฟังดูก็ต้องกลับมาคิดว่า ประเทศอู่ข้าวอู่น้ำอย่างเรา จะปล่อยให้เกษตรยังเป็นแบบที่ไม่ต้องดูแลมาก แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนครับ .....

16 พฤษภาคม 2552

Are We Simulated in Computer ? - ฤาโลกนี้เป็นเพียงฝัน (ตอนที่ 3)


ยุ่งแล้วล่ะสิครับ วันก่อนขณะขับรถกลับบ้านท่ามกลางสายฝนพรำ ลูกสาววัย 9 ขวบของผม อยู่ดีๆ ก็พูดโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า "คุณพ่อคะ อะตอมว่าจริงๆแล้วเนี่ย พวกเราอาจจะเป็นเกมส์ที่เทวดากำลังเล่นกันอยู่ก็ได้นะ พวกเราเป็นตัวที่เทวดาปล่อยให้เล่นกันอยู่ในเกมส์ของเค้า" ผมได้ยินก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน เพราะตอนนั้นผมก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าไม่ได้เขียนเรื่องนี้ลง Blog มาสักพักแล้ว เพราะมีคิวเรื่องอื่นๆอยู่ที่อยากนำมาเล่า ผมถามลูกสาวผมกลับไปว่า "ทำไมหนูถึงคิดอย่างนั้นล่ะคะ" ลูกสาวผมตอบว่า "ก็เหมือนเกมส์ Spore ที่อะตอมเล่นที่มหาลัยไงคะ พวกตัวที่อะตอมสร้าง พวกเผ่าพันธุ์ของมันในเกมส์ มันก็ไม่รู้หรอกว่าเรากำลังเล่นมันอยู่ ....." ผมได้ยินลูกพูดอย่างนี้ทำให้ผมยิ่งเพิ่มความสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีกว่า ตกลงพวกเรามีจริงหรือไม่ หรือพวกเราเป็นเพียง สิ่งที่กำลัง simulated อยู่ในคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ พวกเรามีตัวตนจริงๆ หรือไม่ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีหรือไม่มีอยู่จริง ??? ผมจะทยอยนำเรื่องนี้มาเล่านะครับ เพราะว่าเรื่องนี้คงต้องคุยกันอีกยาว !


ในช่วงหลังๆนี้ วิทยาศาสตร์ทั้งกายภาพและชีวภาพ และแม้แต่คณิตศาสตร์วิ่งเข้ามาศึกษาเรื่องจิตใจ หรือ Mind Sciences กันมากครับ ผมเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะเกิดการบูรณาการขนานใหญ่ระหว่างศาสตร์เหล่านี้ แม้แต่ในเรื่องของศิลปะก็จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ เกมส์ Spore ที่ลูกสาวของผมพูดถึงนั้น เป็นตัวอย่างของการหลอมรวมกันระหว่างศิลปะกับวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่แค่ในระดับผิวๆนะครับ แต่เป็นระดับปรัชญาเลยทีเดียว

เจ้าเกมส์ Spore นี้ เป็นเกมส์ที่มีสมมติฐานว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ได้ DNA มาจากดาวเคราะห์ดวงอื่น เกมส์จะเริ่มต้นด้วยการที่อุกกาบาตจากนอกโลกได้พา DNA จำนวนหนึ่งมาตกลงในมหาสมุทรของโลก ผู้เล่นต้องเริ่มเล่นจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว พามันหาอาหาร แลัวก็วิวัฒนาการจนขึ้นมาอยู่บนบก สร้างศักยภาพในการสื่อสาร สร้างสังคม ชนเผ่า ไปจนถึงอารยธรรมที่ก้าวหน้า เกมส์นี้จึงเล่นสนุกมาก เหมือนกับว่าเราเป็นพระเจ้าเลยทีเดียว แน่นอนครับว่าทุกเกมส์ยอมมีกฏ เกมส์นี้ก็มีกฏที่ต้องปฏิบัติตาม ในโลกแห่งความเป็นจริงที่เราอาศัยอยู่นี้ก็มีกฏแห่งกรรม เป็นตัวควบคุม ทำให้อดนึกไม่ได้ว่า พวกเราอาศัยอยู่ในเกมส์ที่รันอยู่หรือไม่
เรามาติดตามเรื่องนี้ต่อในวันหลังครับ ......

14 พฤษภาคม 2552

The Science of Forgetting - ศาสตร์แห่งการลืม (ตอนที่ 1)

หากท่านผู้อ่านเคยได้ฟังเพลง "อยากลืม กลับจำ" ที่มีท่อนหนึ่งร้องว่า "ยามอ่านท่องหนังสือ เรากลับลืม เรื่องโศกเรื่องเศร้าซึมเรากลับจำ .....คนเรานี้ คิดให้ดีก็น่าขำ อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ ......" ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านคงจะมีความเห็นคล้อยตามเพลงนี้อย่างแน่นอน เพราะผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านต้องเคยผ่านประสบการณ์เจ็บๆ มาบ้างที่อยากจะลืมแต่กลับจำ ในภาพยนตร์เรื่อง "ความจำสั้น ... แต่รักฉันยาว ...." ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้พยายามเสนอมุมมองเกี่ยวกับเรื่องของ "อยากลืมกลับจำ อยากจำกลับลืม" ผ่านเรื่องรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่อยากลืม กับคู่วัยทองคู่หนึ่งที่อยากจำ


ผมเคยถามเพื่อนฝูงหลายๆ คนที่มีอดีตรักวัยเรียน ปรากฏว่าไม่ค่อยมีใครจำเรื่องวันหวานๆได้เท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่จำได้แต่เรื่องอกหัก เรื่องเจ็บๆ ยิ่งเจ็บยิ่งจำ จริงๆแล้ว นักวิทยาศาสตร์สงสัยมานานแล้วครับว่า ทำไมสิ่งที่เราอยากลืมถึงกลับจำ และพยายามค้นหาคำตอบมาตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องความจำนี้ได้แบ่งออกเป็น 2 ค่ายครับ ค่ายหนึ่งพยายามศึกษาว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้มนุษย์มีความจำดีขึ้น ส่วนอีกค่ายหนึ่งพยายามศึกษาว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้เราลืมเรื่องที่อยากลืม ซึ่งทั้ง 2 เรื่องมาจบตรงที่ "ความจำทำงานอย่างไร" เพราะถ้าขาดความรู้ตรงนี้ ย่อมไม่สามารถที่จะไปถึงยังเป้าหมายทั้งสองอย่างนี้ได้ นักวิจัยได้พยายามสะสมความรู้ในกระบวนการจดจำของสมองซึ่งมีกระบวนการทำงานลึกลงไปในระดับของโมเลกุล และความรู้เหล่านี้เองครับ จะทำให้สิ่งที่เราอยากลืมก็จะสามารถลืมได้ในอนาคตอันใกล้นี้


วันหลังผมจะมาเล่าต่อนะครับ .......


(ภาพบนสุด - ดอก Forget Me Not ดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของการไม่ลืม, ภาพขวามือ - โฆษณาภาพยนตร์เรื่อง "ความจำสั้น ... แต่รักฉันยาว ...." ภาพยนตร์ที่สะท้อนอาการอยากลืมกลับจำ)

12 พฤษภาคม 2552

Physical Intelligence - ปัญญาสังเคราะห์


ประเด็นเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางด้านจิตใจ (Mind Sciences) ไม่ว่าจะเป็น ประสาทวิทยา (Neuroscience) วิทยาศาสตร์การรับรู้ (Cognitive Science) ประสาทเทววิทยา (Neurotheology) ระบบรับรู้ประดิษฐ์ (Artificial Sense) การเชื่อมต่อระหว่างจักรกลกับจิตใจ (Mind-Machine Interface) เป็นต้น กำลังกลายมาเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงในวงการวิจัยทั่วโลก ผมพยายามนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังบ่อยๆ เพราะประเทศไทยกำลังจะตกยุคของศาสตร์เหล่านี้ไปแล้ว ทั้งๆ ที่ประเทศทางเอเชียของเรามีความก้าวหน้าในเรื่องของศาสตร์แห่งจิตใจมาก่อนประเทศตะวันตกเสียอีก เนื่องจากเราเป็นเมืองพุทธ แต่ทว่า .... ขณะนี้ประเทศตะวันตกกำลังจะนำวิทยาการสมัยใหม่ เข้ามาหลอมรวมกับศาสตร์ที่เมื่อก่อนอธิบายไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ ... และก็จะทำให้ประเทศที่ครอบครองศาสตร์ทางด้านนี้จะครอบครองโลกยุคใหม่ หลังปี ค.ศ. 2050 เมื่อเวลานั้นมาถึง เรื่องของ Digital Divide (หรือช่องว่างทางดิจิตอลระหว่างประเทศที่อยู่ในยุคสารสนเทศ กับประเทศที่ตามไม่ทัน) จะกลายมาเป็น Wisdom Divide หรือ ช่องว่างทางปัญญา ที่จะทำให้ประเทศที่ตามไม่ทัน ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยครับ ประเทศที่เจริญในศาสตร์ด้านนี้จะเข้าสู่ Boutique Economy หรือ เศรษฐกิจยุคบูติก ที่ผู้คนดำรงชีวิตด้วยปัญญา เป็นสังคมที่น่ารื่นรมย์ใจมาก แต่ประเทศที่ไม่ทันในศาสตร์ด้านนี้ก็จะอยู่อย่างยากจน บนเศรษฐกิจแบบไม่ยั่งยืน

ล่าสุด ประเทศสหรัฐอเมริกาต้องการข้ามเข้าไปสู่ยุคแห่งจิตใจ (Mind Age) ไปอีกขั้นแล้วครับ โดยหน่วยงานให้ทุนทางด้านกลาโหมที่เรารู้จักกันดีคือ DARPA ได้ออกมาประกาศให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ส่งข้อเสนอโครงการเพื่อรับทุนสนับสนุนการวิจัยในหัวข้อของ Physical Intelligence โดยเน้นการตอบคำถามว่า จิตใจและความคิด สามารถที่จะอธิบายออกมาด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ และกฏทางฟิสิกส์ได้หรือไม่ ผู้ที่ต้องการเงินสนับสนุนนี้จะต้องเสนอวิธีการ ทฤษฎีใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่า ปัญญาทำงานอย่างไร

DARPA เชื่อว่า ปัญญาหรือกิจกรรมของสมองมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น การใช้เหตุผล อารมณ์ ความรู้สึก ผัสสะต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ ซึ่งน่าจะสามารถที่จะโมเดลและทำซ้ำได้ในแพล็ตฟอร์มอื่น เช่น บนคอมพิวเตอร์ หรือ แม้แต่ สมองชีวะที่สร้างขึ้นมา DARPA ต้องการให้มีการสะสมองค์ความรู้ทางด้านนี้ เพื่อนำมาสู่การสร้างปัญญาสังเคราะห์ที่มีความฉลาดเหนือมนุษย์ เพื่อให้นักวิจัยเข้าใจสิ่งที่ DARPA ฝันและอยากได้ ทาง DARPA จึงจัด workshop เพื่อทำความเข้าใจแก่นักวิจัย ผมจะนำมารายงานต่อไปครับว่า ท้ายที่สุด มหาวิทยาลัยใดบ้างจะได้โครงการวิจัยนี้ไปทำครับ ......

10 พฤษภาคม 2552

Printed Solar Cell - โซลาร์เซลล์แบบพิมพ์ได้


อิเล็กทรอนิกส์แบบพิมพ์ได้กำลังจะกลายมาเป็นเรื่องที่ฮ็อตฮิตติดตลาดเร็วๆ นี้แล้วล่ะครับ ก่อนหน้านี้ผมก็ได้พยายามนำเรื่องราวทางด้านนี้มาพูดคุยเรื่อยๆ เพราะอันที่จริง ประเทศไทยของเรานั้นก็มีอุตสาหกรรมทั้งทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมการพิมพ์ หาก 2 อุตสาหกรรมนี้มาร่วมมือกัน เราก็มีโอกาสที่จะติดเข้าไปในกลุ่มประเทศที่เป็นเจ้าของอุตสาหกรรม Printed Electronics ได้ในอนาคตนะครับ

สินค้าในอนาคตที่จะผลิตด้วยกระบวนการพิมพ์มีได้มากมาย เช่น จอภาพ หน่วยความจำ แผงวงจรแบบยืดหยุ่น เซ็นเซอร์ และ โซลาร์เซลล์ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นักหรอกครับว่ากระบวนการพิมพ์จะเหมาะกับโซลาร์เซลล์ แต่เมื่อเร็วๆนี้ ห้องปฏิบัติการพลังงานหมุนเวียนแห่งชาติ (National Renewable Energy Laboratory) แห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกมาเปิดเผยว่ากำลังจะดำเนินการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ต้นแบบ ด้วยวิธีการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ต โดยเริ่มแรกจะใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตเพื่อพิมพ์ลายเส้นตัวนำไฟฟ้าบนแผ่นฟิล์มซิลิกอน ซึ่งเมื่อก่อนจะใช้วิธีการสกรีน การใช้วิธีอิงค์เจ็ตซึ่งเป็นระบบที่ไม่ต้องสัมผัสหน้าวัสดุ จะทำให้สามารถทำลายเส้นให้ผอมลงได้จาก 100-125 ไมครอน ลดลงเหลือเพียง 35-40 ไมครอน ซึ่งก็จะทำให้ต้นทุนด้านวัสดุถูกลงมากเลยล่ะครับ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ วิธีอิงค์เจ็ตทำให้แผ่นเวเฟอร์ซึ่งทำจากซิลิกอน (ซึ่งเป็นต้นทุน 3 ใน 4 ของโซลาร์เซลล์) ซึ่งโดยปรกติจะต้องทำให้หนาประมาณ 200 ไมครอน สามารถทำให้บางลงไปอีกได้ครับเพราะการพิมพ์ด้วยอิงค์เจ็ตไม่มีการใช้แรงกดลงบนหน้าสัมผัส จึงทำให้สามารถทำแผ่นซิลิกอนให้บางลงไป 50% หรือมากไปกว่านั้นอีก


ผมจะมารายงานสถานการณ์ความก้าวหน้าที่สำคัญของศาสตร์ทางด้านนี้อีกเรื่อยๆ นะครับ ......

09 พฤษภาคม 2552

แปลงฟ้าเป็นอาวุธ - Weaponizing Weather and Climate (ตอนที่ 2)



การเรียกลมเรียกฝน หรือเปลี่ยนดินฟ้าอากาศ ให้เป็นอาวุธเพื่อใช้จัดการกับศัตรูเป็นความฝันของกองทัพสหรัฐฯ มานานแล้ว ทั้งกองทัพบก กองทัพเรื่อ และกองทัพอากาศของอเมริกา ล้วนมีหน่วยงานวิจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศด้วยกันทั้งนั้น

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท Solaren แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีในการเปลี่ยนแปลงทิศทางของพายุเฮอริเคน หรือ แม้กระทั่งสร้างพายุเฮอริเคนขึ้นมา ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์เซลล์ขนาดยักษ์ที่ล่องลอยอยู่ในวงโคจรของโลก ระบบของ Solaren นั้นสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 1.5 กิกะวัตต์ โดยพลังงานนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นไมโครเวฟ ที่มีความถี่ตรงกับระดับพลังงานในการหมุนของโมเลกุลน้ำ ซึ่งก็จะทำให้น้ำและไอน้ำในบรรยากาศดูดซับคลื่นนี้แล้วเกิดความร้อนขึ้น โดยคลื่นไมโครเวฟนี้จะถูกยิงจากดาวเทียมลงมายังชั้นบรรยากาศส่วนบนและส่วนกลางของพายุ ซึ่งจะทำให้มันสามารถที่จะหยุดหรือเปลี่ยนทิศทางของพายุได้ ซึ่งจริงๆแล้ว เทคโนโลยีที่สำคัญของสิทธิบัตรตัวนี้ก็คือ การบีมคลื่นไมโครเวฟลงมายังพื้นโลก ณ ตำแหน่งที่ต้องการ ดังนั้นในยามสงบ คลื่นนี้ก็สามารถบีมลงมาที่จานรับ เพื่อเปลี่ยนกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ เทคโนโลยีนี้จึงสามารถเป็นได้ทั้งอาวุธ และเป็นได้ทั้งโรงไฟฟ้าในวงโคจรของโลก Solaren มีแผนจะส่งดาวเทียมดวงนี้ขึ้นไปภายในปี ค.ศ. 2016 ซึ่งจะเริ่มผลิตพลังงานไฟฟ้าจากอวกาศจำนวน 200 เมกะวัตต์ ส่วนในเรื่องของการทหารนั้น ทาง Solaren กำลังรอการเจรจาจากกองทัพสหรัฐฯ ว่าสนใจที่จะนำไปใช้งานหรือไม่ เพราะมันสามารถใช้สร้างพายุเพื่อถล่มประเทศที่เป็นศัตรูของอเมริกาได้

08 พฤษภาคม 2552

หุ่นยนต์ปลาหมึก - Octopus Robot


ตอนนี้ผมอยู่ที่พัทยาครับ มาประชุม ECTI2009 ครับ แต่เดี๋ยวก็จะกลับแล้วล่ะครับ เมื่อคืนผมได้ไปทานอาหารทะเลแถวบางสเหร่ ซึ่งเป็นถิ่นอาหารทะเลที่ราคาไม่ค่อยแพงมาก อาหารทะเลค่อนข้างสดครับ ทั้งกุ้ง กั๊ง ปู ปลา ปลาหมึก พอได้ทานปลาหมึกผมก็เลยนึกขึ้นมาได้ครับว่าช่วงหลังๆ นี้ นักเทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ชอบมาทำหุ่นยนต์ปลาหมึกกันมากเลยครับ ซึ่งก็เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะว่าในจำนวนสัตว์น้ำทะเล ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา เราจะพบว่า ปลาหมึก เป็นสัตว์ทะเลที่ธรรมชาติสร้างสรรไว้อย่างน่าทึ่งมากครับ


ล่าสุด ศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์แห่งเยอรมัน (German Research Center for Artificial Intelligence DFKI) ได้ออกมาเปิดเผยว่าได้พัฒนาหุ่นยนต์ปลาหมึกที่มีหนวดซึ่งมีระบบประสาทสัมผัสทางกายที่มีความไวสูงมาก ประสาทสัมผัสทางกายนี้ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ ซึ่งสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการพิมพ์อนุภาคนาโนที่มีความสามารถเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับสัมผัส ลงไปบนพื้นผิวของหุ่นยนต์ โดยเซ็นเซอร์แต่ละตัวนี้มีขนาดเพียงครึ่งของเส้นผมเท่านั้น บนผิวหนวดปลาหมึกจึงมีเซ็นเซอร์จำนวนนับล้าน ทำให้มันมีความไวในกายสัมผัสมากกว่ามนุษย์เสียอีก เซ็นเซอร์ที่มีความไวมากๆ นี้สามารถแยกแยะกระแสน้ำออกจากวัตถุอื่นๆ ที่มันสัมผัสโดนได้ นักวิจัยตั้งใจว่าจะนำหุ่นยนต์ปลาหมึกนี้ไปใช้ในการทำงานใต้ทะเล เช่น การซ่อมแซมหรือดูแลโครงสร้างใต้น้ำ เช่น สายเคเบิ้ล ฐานขุดเจาะน้ำมัน ฐานสะพาน เขื่อน เป็นต้น ซึ่งเจ้าหุ่นยนต์ปลาหมึกนี้จะสามารถทำงานในที่ที่ปราศจากแสงสว่าง ด้วยการใช้สัมผัสที่ไวของมัน ซึ่งนักวิจัยจะออกแบบให้มันสามารถทำงานได้เอง โดยไม่ต้องมีการควบคุมระยะไกลจากมนุษย์

04 พฤษภาคม 2552

Kissphone - โทรศัพท์ส่งจูบ


ช่วงหลังๆ ผมได้เห็นเทคโนโลยีกายสัมผัส หรือ Haptics ได้เริ่มเข้าไปอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้น บริษัท Samsung ได้ออกโทรศัพท์รุ่น Haptics ซึ่งสามารถตอบสนองต่อนิ้วผู้ใช้ด้วยการส่งสัมผัสออกมา เทคโนโลยีนี้อีกหน่อยมาแรงแน่ๆครับ เพราะมนุษย์เรานั้นชอบการสัมผัสทางกายเพื่อส่งความรู้สึก โดยเฉพาะกับคนที่ใกล้ชิด เรามักจะใช้สัมผัสทางกายเพื่อสื่อสารถ่ายทอดความรู้สึก ผู้ใหญ่กอดเด็กหอมแก้มเด็กเพื่อแสดงความรัก เพื่อนกอดคอกันเดินเพื่อสื่อความจริงใจ เราใช้การบีบจับมือของอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลมคนที่กำลังเสียใจ แม้กับสัตว์เอง สัมผัสทางกายก็ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม แมวจะมีความสุขสุดยอดถ้าเจ้าของเกาคอให้มัน สุนัขชอบให้ลูบหัวลูบหลัง


ล่าสุดมีนักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศสได้พัฒนาโทรศัพท์ที่สามารถส่งจูบได้ โดยผู้ใช้จะส่งจูบด้วยการประทับริมฝีปากลงไปบนอุปกรณ์ที่มีรูปร่างคล้ายปากมนุษย์ เซ็นเซอร์บนอุปกรณ์จะบันทึกแรงกดของการจูบ จังหวะขึ้นลงของการประกบริมฝีปาก อุณหภูมิ และแรงจูจุ๊บ จากนั้นมันจะส่งค่าตัวแปรเหล่านั้นผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มาหาเครื่องโทรศัพท์ฝั่งของผู้รับ เมื่อผู้รับอนุญาตให้จูบได้ด้วยการนำอุปกรณ์ปากมาประกบที่ปากของตนเอง พารามิเตอร์ต่างๆ ที่ส่งมาก็จะถูกถ่ายทอดมายังอุปกรณ์ปากเพื่อส่งจูบมา

นอกจากโทรศัพท์ส่งจูบจะใช้ได้กับคู่รักและคนใกล้ชิดแล้ว มันยังสามารถใช้งานสำหรับ Social Networks ได้ โดยจะมี website เพื่อเป็นธนาคารจุมพิต (Kiss Bank) สำหรับเก็บรอยจูบของผู้คนที่เอามาฝากไว้ ซึ่งสามารถที่จะ upload และ download ได้ ซึ่งอีกหน่อยเว็บไซต์นี้ก็อาจจะเก็บรอยจูบของคนดังๆ ไม่ว่าจะเป็น มาดอนน่า ไรอัน กิ๊กส์ และ เรน ก็ได้ครับ .....

03 พฤษภาคม 2552

Bionic Insect - แมลงชีวกล (ตอนที่ 3)


แฟนของผมเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับแมลงเอามากๆ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นลักษณะของผู้หญิงโดยมาก ตรงข้ามกับผมซึ่งเป็นคนที่นิยมชมชอบในความเจ๋งของแมลง และอยากจะศึกษาสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์พวกนี้ ทุกครั้งที่เห็นพวกมัน ผมจะต้องเข้าไปดูใกล้ๆ ว่าพวกมันมีหน้าตายังไง พวกมันครองโลกมานานกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด และเมื่อมนุษย์สูญพันธุ์ไปแล้ว แมลงก็จะยังอยู่ต่อไปครับ น่าเสียดายที่ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องแมลงมาก และน่าเสียดายอีกที่คนที่รู้เรื่องแมลงและเก่งเรื่องแมลงในประเทศไทยทั้งหมด ไม่มีความรู้ทางด้านวิศวกรรมแมลง (Insect Engineering) เพราะว่า .... แมลงกำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาหุ่นยนต์แบบลูกครึ่งชีวจักรกล .....

ก่อนหน้านี้ ก็มีการวิจัยเพื่อนำสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนู นกพิราบ หรือ ปลาฉลาม มาทำให้เป็นกึ่งสัตว์กึ่งจักรกลที่มนุษย์สามารถสั่งให้ไปทำภารกิจต่างๆ มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ปัญหาของสัตว์เหล่านั้นก็คือ มันตัวโตเกินไป ทำให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ ไม่เหมือนแมลงที่ปกติคนเราก็จะไม่ค่อยสนใจพวกมันอยู่แล้ว ทำให้แมลงพวกนี้เหมาะที่จะนำมาทำเป็นสัตว์กึ่งหุ่นยนต์เพื่อใช้ในการทหาร

Michel Maharbiz ผู้ช่วยศาสตราจารย์หนุ่มแห่งภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบอร์คลีย์ (University of California Berkeley) เป็นกลุ่มวิจัยหนึ่งที่ทำงานทางด้านแมลงชีวกล เขาได้ปลูกขั้วอิเล็กโทรดลงไปในปมประสาทสมองส่วนควบคุมการบินของแมลงทับสายพันธุ์ Green June Beetle เมื่อทีมงานของเขาปล่อยศักย์ไฟฟ้าลบเข้าไป ปีกของแมลงทับก็จะขยับทำให้มันบินขึ้น แต่เมื่อปล่อยศักย์ไฟฟ้าบวกเข้าไป ปีกของมันจะหยุดบิน ดังนั้นด้วยการควบคุมการปล่อยศักย์ไฟฟ้าสลับกันไปนี้ ก็จะทำให้เจ้าแมลงทับกึ่งหุ่นยนต์นี้สามารถบินสูงๆ ต่ำๆ ได้ตามที่เราต้องการ นักวิจัยได้ต่อขั้วไฟฟ้าเข้าที่กล้ามเนื้อปีกของแมลงทับ ทำให้สามารถควบคุมได้ว่าจะให้ข้างไหนทำงานมากว่าอีกข้าง เป็นผลให้เราสามารถควบคุมการเลี้ยวของมันได้

02 พฤษภาคม 2552

Games Science - วิทยาศาสตร์ของเกมส์ (ตอนที่ 4) - เมื่อผู้หญิงอยากเล่นเกมส์


ไม่ได้พูดเรื่อง Games Science มานานเหมือนกันแล้วนะครับ วันนี้ผมขอพูดเรื่องนี้ต่อครับ สำหรับ ตอนที่ 1 - 3 นั้น ท่านผู้อ่านสามารถกลับไปอ่านได้โดย Click เข้าไปที่ keywords คำว่า Entertainment ทางเมนูข้างซ้ายก็ได้นะครับ หรือจะ search เอาจากข้างบนก็ได้ครับ

ช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำนี่ ใครๆ ต่างก็คิดต่างก็วางแผนกันแล้วครับว่าจะประคองตัวให้รอดอย่างไร และเมื่อถึงเวลาที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมา ก็ต้องมีความพร้อมจะตอบสนองต่อตลาดที่กำลังมีความต้องการสูงให้ได้ ในอุตสาหกรรมบันเทิงโดยเฉพาะเกมส์นั้น เขากำลังคิดกันอยู่ครับว่าที่ผ่านมานั้นได้ละเลยตลาดของผู้หญิงไปหรือไม่ ที่ผ่านมานั้นนักออกแบบเกมส์ทั้งหลายได้ผลิตเกมส์ออกมาสู่ตลาดโดยไม่ได้ใส่ใจความต้องการของลูกค้าที่เป็นผู้หญิงเท่าใดนัก ทั้งๆที่ผลการสำรวจของ Entertainment Software Association นั้นระบุว่าตลาดวิดิโอเกมส์นั้นเป็นของสุภาพสตรีถึง 40% ซึ่งจำนวนผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ (อายุเกิน 18 ปี) ที่เล่นเกมส์มีมากกว่าเด็กผู้ชาย (อายุน้อยกว่า 18 ปี) เสียอีก นี่ยังไม่นับรวมผู้หญิงอีกจำนวนมากที่อยากเล่นเกมส์ แต่กลับไม่มีเกมส์ดีๆ ให้เล่น เพราะเกมส์เกือบทั้งหมดถูกออกแบบโดยนักออกแบบเกมส์ที่เป็นผู้ชาย เรื่องนี้จริงครับ ในช่วงที่ผมได้ไปเยี่ยมชมสถาบันเกมส์ ของ Tokyo Polectechnic University เมื่อปี 2008 ซึ่งสถาบันนี้เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ผลิตนักออกแบบเกมส์ ผมก็เห็นมีแต่เด็กผู้ชายที่เรียนอยู่ในสถาบันแห่งนี้

ศาสตราจารย์ Brenda Brathwaite ซึ่งสอนและวิจัยเรื่องเกมส์อยู่ที่ Savannah College of Art and Design มลรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เธอทำงานเพื่อพัฒนาเกมส์มาตลอดระยะเวลา 26 ปี เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นตัวตั้งตัวตีเพื่อทำให้ผู้หญิงมีสิทธิ์ได้เล่นเกมส์ในแบบที่ตัวเองชอบ แทนที่จะต้องเล่นแต่เกมส์ที่ออกแบบมาให้แต่ผู้ชายเล่นเท่านั้น นิตยสาร Next Generation Magazine ได้ประกาศให้เธอเป็นหนึ่งใน 100 บุคคลที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเกมส์ของโลกเลยครับ ซึ่งเธอได้ออกมาแสดงความชื่นชมที่อุตสาหกรรมเกมส์เริ่มจะให้ความสำคัญต่อลูกค้าผู้หญิงว่า "ดิฉันขอปรบมือให้เลยล่ะค่ะ และขอสรรเสริญมุมมองใหม่ของนักออกแบบเกมส์ที่จะทำให้ผู้หญิงเรามีทางเลือกมากขึ้นในเรื่องเกมส์"

01 พฤษภาคม 2552

IEEE Robio 2009 - International Conference on Robotics and Biomimetics


ศาสตร์ทางด้านวิศวกรรมเลียนแบบธรรมชาติ ชีววิศวกรรมศาสตร์ และ หุ่นยนต์ศาสตร์ รวมไปถึงการหลอมรวมของศาสตร์เหล่านี้เข้าด้วยกัน กำลังจะเข้าครอบครองหัวข้อวิจัยในทศวรรษต่อไป (ค.ศ. 2010-2020) ต่อจากเรื่องของนาโนเทคโนโลยีครับ ใครที่กำลังจะไปเรียนเมืองนอกควรจะไปเรียนเรื่องนี่แหล่ะครับ รับรองกลับมาฮ็อตฮิตติดตลาดแน่นอนครับ

วันนี้ผมนำเอาการประชุมหนึ่งที่น่าสนใจมากในสาขาข้างต้นที่กล่าวมาครับ นั่นคือ IEEE Robio 2009 - International Conference on Robotics and Biomimetics ซึ่งในปีนี้ได้จัดติดต่อกันเป็นปีที่ 6 แล้วครับ โดยจะไปจัดที่เมืองกุ้ยหลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 18-22 ธันวาคม พ.ศ. 2552 โดยมีกำหนดส่ง Full Paper ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2552 นี้


น่าสนใจมากครับว่าการประชุม IEEE Robio นี้ริเริ่มโดยสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปี 2004 โดยจัดที่เมือง Shenyang จากนั้นก็จัดกันต่อที่เมืองจีนมาตลอด ครั้งที่ 2 ไปจัดที่ ฮ่องกง แล้วก็แวะมาจัดครั้งที่ 3 ที่ คุนหมิง ครั้งที่ 4 ไปจัดที่ซันย่าบนเกาะไหหนาน พอปี 2008 ก็ออกจากจีนมาแวะที่กรุงเทพฯ ของเราด้วยครับ (IEEE Robio 2008) แต่เนื่องจากพวกม็อบพันธมิตรดันไปปิดสนามบิน ทำให้งานนี้เลยต้องเลื่อนมาจัดจริงๆ กันในเดือนกุมภาพันธ์ 2009 นี้เอง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ชาวต่างชาติถึงยังไงก็หลงใหลเมืองไทยมาก ยังไงเขาก็มา งาน IEEE Robio 2008 ที่จัดที่กรุงเทพฯ นั้น เสียดายที่ผมไม่ได้ไปเข้าร่วมในการประชุมนี้ แต่เพื่อนผมได้เอา Proceeding กับ CD มาให้ชุดหนึ่ง จึงมีโอกาสนั่งศึกษาดู ซึ่งก็พบว่าเนื้อหาของการประชุมน่าสนใจมากๆ ครับ เพราะจะว่าไปแล้ว งานทางด้านหุ่นยนต์แนวเลียนแบบธรรมชาติของชาติทางเอเชียของเรานั้น เจริญกว่าอเมริกาและยุโรปเสียอีก งานประชุม IEEE Robio 2009 จึงเป็นที่คาดหวังว่าจะต้องเจ๋งมากๆ แล้วปีนี้เขามี Theme ทางด้าน “Robot-assisted bioengineering to serve humans” ด้วยครับ

นักวิจัยค้นพบยีนต้านโลกร้อนในพืช


ผมเพิ่งกลับมาจากทำงานที่ไร่องุ่นกรานมอนเต้ ช่วงนี้ที่เขาใหญ่เขียวชอุ่ม อากาศชุ่มชื้น ไร่องุ่นกรานมอนเต้อยู่ในหุบเขาที่มีหมอกบางๆ หล่อเลี้ยงซอกเขาตลอดทั้งวัน จริงๆแล้ว ผู้คนชอบไปเที่ยวเขาใหญ่กันในช่วงหน้าหนาว แต่ผมกลับพบว่าเขาใหญ่สวยที่สุดในช่วงฤดูฝนต่างหากล่ะครับ ยิ่งในระยะหลังๆ นี้ เขาใหญ่กลับได้อานิสงส์ของภาวะโลกร้อน ทำให้เขาใหญ่แทบจะไม่แล้งเลย เมษาที่ผ่านมานี้ฝนตกเร็วกว่าที่เคยเป็น ทำให้แทบไม่มีไฟไหม้ป่า ผิดกับทางภาคเหนือ ที่เริ่มได้รับผลกระทบทางลบจากภาวะโลกร้อน เท่าที่ผมติดตามข้อมูลสภาพดินฟ้าอากาศจาก COLA (Center for Ocean-Land-Atmosphere Studies) พบว่าภาวะโลกร้อนทำให้แถบอินโดจีน คือ ประเทศไทย ลาว เขมร เวียดนาม มีฝนตกชุกมากขึ้น ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้น ทางภาคอีสานจะดีขึ้น แต่ทางภาคเหนือจะแย่ลง ทั้งนี้ เวียดนามก็จะมีฝนตกหนักมากขึ้นในทางภาคเหนือของประเทศ แต่ประเทศทางฝั่งอินเดียและพม่าจะแล้งขึ้น โดยเฉพาะอินเดียนั้น ประสบภาวะแล้งหนักมาตลอดปีที่แล้ว และปีนี้ก็จะแย่อีก ผมจึงเชื่อว่า อีกหน่อย การเกษตรของไทยต้องรุ่งแน่ๆ เพราะคู่แข่งของเราคืออินเดียจะต้องการนำเข้าอาหารมากขึ้นครับ ...... เพราะฉะนั้น ประเทศเราต้องอย่าทิ้งเกษตร

มีข่าวล่าสุดจากวงการวิจัยพืช ซึ่งได้รายงานในวารสารวิชาการ Science (Sang-Youl Park, Pauline Fung, Noriyuki Nishimura, Davin R. Jensen, Hiroaki Fujii, Yang Zhao, Shelley Lumba, Julia Santiago, Americo Rodrigues, Tsz-fung F. Chow, Simon E. Alfred, Dario Bonetta, Ruth Finkelstein, Nicholas J. Provart, Darrell Desveaux, Pedro L. Rodriguez, Peter McCourt, Jian-Kang Zhu, Julian I. Schroeder, Brian F. Volkman, and Sean R. Cutler. Abscisic Acid Inhibits Type 2C Protein Phosphatases via the PYR/PYL Family of START Proteins. Science, 2009; DOI: 10.1126/science.1173041) ซึ่งเป็นการค้นพบยีนที่ช่วยให้พืชทนต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย รวมทั้งความแห้งแล้งและความร้อน Peter McCourt หนึ่งในคณะวิจัยซึ่งเป็นศาสตราจารย์ทางด้านเซลล์และชีววิทยาเชิงระบบ กล่าวว่า "พืชมีระบบฮอร์โมนที่ช่วยให้มันปรับตัวกับความเครียดต่างๆ ได้ หากเราสามารถควบคุมฮอร์โมนเหล่านี้ ก็จะทำให้เราสามารถปกป้องพืชผลทางการเกษตรต่างๆ จากภาวะโลกร้อนได้ครับ" การค้นพบครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่ออนาคตในการพัฒนาพืชที่มีความทนทานต่อภาวะโลกร้อนได้ อันที่จริง สิ่งที่นักวิจัยค้นพบในรายงานนี้ ก็เป็นเพียงกุญแจดอกหนึ่งในการไขปริศนาว่าพืชปรับตัวอย่างไรต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง กลไกในการปรับตัวของพืชนั้นมีความซับซ้อนมากและยังต้องการการวิจัยขั้นพื้นฐาน (Basic Research) อีกสักระยะเวลาหนึ่ง จนกว่าเราจะสามารถพัฒนาพืชเกษตรทนร้อนได้ครับ