30 สิงหาคม 2550

Boutique Economy - เศรษฐกิจยุคบูติค


Boutique Economy ยังไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทย เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่คนไทยอาจจะไม่คุ้นหูนัก เศรษฐกิจแบบบูติกเป็นพัฒนาการลำดับขั้นที่สูงขึ้นไปจาก Experience Economy ซึ่งสูงกว่า Knowledge-Based Economy, Industrial Economy และ Agriculture-Based Economy ตามลำดับ เศรษฐกิจแบบบูติกนี้ ผู้คนมีความเป็นอยู่แบบ มีความสุขกันทั่วหน้า อุตสาหกรรมไม่ปล่อยควันพิษและของเสียอีกต่อไป การผลิตมีลักษณะเป็น Cottage Industry ที่การผลิตอยู่ในมือของ SME มีความสะอาด และกระจายอยู่ในชุมชนที่เป็นผู้ใช้ เป็นยุคที่ Desktop Manufacturing หรือ ระบบผลิตแบบตั้งโต๊ะ และ โรงงานจิ๋ว (Micro-factory) มีความเจริญสูง มีเทคโนโลยี Mass Customizaton ซึ่งกระบวนการผลิต สามารถทำให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคเป็นรายๆ ในจำนวนมากๆ ได้ ระบบรักษาพยาบาลเป็นแบบบุคคล (Personal Medicine) มีระบบนำส่งยา (Drug Delivery) ที่มีประสิทธิภาพ ถนนหนทาง บ้านเรือน ตึกรามอาคารต่างๆ ใช้วัสดุนาโนที่ทำความสะอาดตัวเองได้ การคมนาคมขนส่งใช้พลังงานสะอาด อาคารธุรกิจเป็นอาคารฉลาด มีระบบดูแลการใช้พลังงาน และบรรยากาศภายใน การงานในยุคบูติคมีความสนุก เร้าใจ น่าทำงาน คนจะทำงานที่บ้านมากขึ้น สินค้าต่างๆ จะมีการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ก่อนทำการผลิต และผู้บริโภคสามารถออกแบบเอง แล้วส่งให้ผู้ผลิตทาง Internet เสื้อผ้าอาภรณ์ มีความฉลาด มีสีสันสวยงามและปรับตามสภาพแวดล้อมได้ ผู้คนสดชื่น เบิกบาน และสุขภาพดี แต่ละคนล้วนทาครีมนาโนหน้าเด้ง อาหารที่รับประทานไม่มีสารพิษ เพราะทุกอย่างผ่านการตรวจด้วยเซ็นเซอร์หมดทุกอย่าง ตั้งแต่ ฟาร์มจนถึงถังขยะ ตัวเมืองประดับประดาด้วยแสงสีจากจอภาพอินทรีย์

ฟังๆ ดู เหมือนอยู่ในยุคพระศรีอารย์ยังไงยังงั้น ในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศหนึ่งๆ เข้าสู่ยุค Knowledge-Based Economy นั้น วิทยาศาสตร์ที่เคยแบ่งแยกออกเป็น ศาสตร์หรือสาขาต่างๆ เริ่มมีการหลอมรวมกัน เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ มาหลอมรวมกัน เกิดเป็นศาสตร์ใหม่ๆ เช่น Biophysics, Bioinformatics, Biomedical Engineering, Bionics, Systems Biology แต่เมื่อโลกเริ่มจะเข้าสู่ยุค Experience Economy จะเกิดการหลอมรวมกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องของ ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ กับ วิทยาศาสตร์ และเมื่อโลกเจริญก้าวหน้าขึ้นไปสู่ยุค Boutique Economy ล่ะก็ คราวนี้แหละเราจะเห็นการหลอมรวมกันระหว่าง สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กับ ศาสตร์ของจิตใจ หรือ ศาสนา นั่นเอง

ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้อยู่เห็น Boutique Economy หรือเปล่า มีผู้ประมาณการว่ามันอาจเกิดขึ้นหลังปี ค.ศ. 2050 นู่น แต่พวกเราสามารถทำให้ชีวิตของพวกเราเป็นชีวิตแบบบูติกได้ โดยการเริ่มทำบ้านให้เป็น Boutique Home ทำที่ทำงานให้เป็น Boutique Workplace โดยการทำตัวเราเองให้เบิกบาน ทำบ้านและที่ทำงานให้น่าอยู่ เอาอะไรๆน่ารักมาตกแต่งโต๊ะทำงาน ยิ้มให้แก่คนรอบข้างบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้ นาโนเทคโนโลยี มาเปลี่ยนโลกไปสู่ยุคบูติก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น