กลุ่มประเทศ Nordic อันได้แก่ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และ สวีเดน นั้น มักเป็นที่รู้จักกันในนามของ ดินแดนพระอาฑิตย์เที่ยงคืน คนไทยที่เคยไปใช้ชีวิตแถวๆ นั้นจะพูดว่า เมืองไทยน่าอยู่กว่าเยอะ ไม่งั้นโจนัส นักร้องเพลงลูกทุ่งชาวสวีเดน ไม่หนีมาอยู่บ้านเราหรอก หนาวก็หนาว เหงาก็เหงา ให้ไปเที่ยวเอา แต่ให้ไปอยู่ก็เอาไว้วันหลังดีกว่า แต่ไม่น่าเชื่อว่า ประเทศ Nordic มีความก้าวหน้าที่สุดในโลกหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ที่จัดว่าเยี่ยมที่สุด มีอินเตอร์เน็ตแบบไฮสปีดเข้าถึงครัวเรือนมากที่สุด ระบบโทรศัพท์มือถือดีที่สุด คุกที่ดีที่สุดในโลก มีระบบสร้างผู้ประกอบการใหม่ (Entrepreneurship) ที่ดีที่สุดในโลก มีระบบอุดหนุนการวิจัยที่ล้ำหน้าที่สุด และยังมีระบบนวัตกรรมที่จัดว่าเยี่ยมที่สุดในโลกอีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่ฐานทรัพยากรที่เคยมีแต่เกษตร อันได้แก่ ป่าไม้ ฟาร์มโคนม ประมง วันนี้กำลังจะข้ามยุคจาก Knowledge-Based Economy ที่ประเทศไทยประกาศตัวอยากเป็น ไปสู่ยุค Experience Economy เลย แบบว่าคนอื่นไม่ต้องไปตามแล้ว
เจ้า Experience Economy นี้เป็นเศรษฐกิจที่มูลค่าของสินค้าขึ้นกับ ความรู้สึก ความฝัน จินตนาการ ประสบการณ์ ที่ผู้บริโภคได้รับ ลองดู Nokia สิเขามีสโลแกนว่า Connecting People เขาไม่ได้ขายมือถือ แต่เขาขายประสบการณ์ของการอยู่ในโลก แห่งการปฏิสัมพันธ์อย่างไร้ขอบเขต ตัวอย่างของไทยที่มีสินค้า Experience Goods ก็คือ Academy Fantasia ที่นำเอาความรู้สึก ความฝัน เทคโนโลยี และ การตลาดมาผสมผสานกันอย่างลงตัว จนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ตอนนี้รัฐบาลของ Nordic เน้นอุดหนุนโครงการและงานวิจัย ที่จะสร้าง Experience Economy ขึ้นมาอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การทำทัวร์แบบขายประสบการณ์ เพื่อทำให้ Nordic ติดตลาดโลก การสร้างระบบการศึกษา ผ่านมือถือ การจัดเมืองใหม่ให้เหมาะกับการท่องเที่ยว และการใช้ชีวิตแบบจินตนาการ พัฒนาสินค้าจินตบันเทิง เกมส์ พัฒนา ธุรกิจที่เน้นการออกแบบ พัฒนาธุรกิจก่อสร้างที่มุ่งไปที่ประสบการณ์ที่ผู้อยู่อาศัยโหยหา ในเรื่องของอาหาร ประเทศ Nordic ไม่ได้มุ่งขายที่ตัวสินค้าต้นทาง แต่ต้องการสร้างแบรนด์ของอาหารปลายทาง ที่ตอบประสบการณ์และความรู้สึกของผู้เสพ รวมไปถึงอาหารที่มีนวัตกรรม เช่น Functional Foods ทางด้านนาโนเทคโนโลยี ที่ประเทศ Nordic สนับสนุน ก็มุ่งไปที่ Healthcare กับ Creative Industries โดยตรง เพราะไหนๆ ก็จะเป็น Experience Economy แล้ว ก็ให้ผู้บริโภคได้ประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่ตื่นจนนอนไปเลย
เจ้า Experience Economy นี้เป็นเศรษฐกิจที่มูลค่าของสินค้าขึ้นกับ ความรู้สึก ความฝัน จินตนาการ ประสบการณ์ ที่ผู้บริโภคได้รับ ลองดู Nokia สิเขามีสโลแกนว่า Connecting People เขาไม่ได้ขายมือถือ แต่เขาขายประสบการณ์ของการอยู่ในโลก แห่งการปฏิสัมพันธ์อย่างไร้ขอบเขต ตัวอย่างของไทยที่มีสินค้า Experience Goods ก็คือ Academy Fantasia ที่นำเอาความรู้สึก ความฝัน เทคโนโลยี และ การตลาดมาผสมผสานกันอย่างลงตัว จนประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ตอนนี้รัฐบาลของ Nordic เน้นอุดหนุนโครงการและงานวิจัย ที่จะสร้าง Experience Economy ขึ้นมาอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การทำทัวร์แบบขายประสบการณ์ เพื่อทำให้ Nordic ติดตลาดโลก การสร้างระบบการศึกษา ผ่านมือถือ การจัดเมืองใหม่ให้เหมาะกับการท่องเที่ยว และการใช้ชีวิตแบบจินตนาการ พัฒนาสินค้าจินตบันเทิง เกมส์ พัฒนา ธุรกิจที่เน้นการออกแบบ พัฒนาธุรกิจก่อสร้างที่มุ่งไปที่ประสบการณ์ที่ผู้อยู่อาศัยโหยหา ในเรื่องของอาหาร ประเทศ Nordic ไม่ได้มุ่งขายที่ตัวสินค้าต้นทาง แต่ต้องการสร้างแบรนด์ของอาหารปลายทาง ที่ตอบประสบการณ์และความรู้สึกของผู้เสพ รวมไปถึงอาหารที่มีนวัตกรรม เช่น Functional Foods ทางด้านนาโนเทคโนโลยี ที่ประเทศ Nordic สนับสนุน ก็มุ่งไปที่ Healthcare กับ Creative Industries โดยตรง เพราะไหนๆ ก็จะเป็น Experience Economy แล้ว ก็ให้ผู้บริโภคได้ประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่ตื่นจนนอนไปเลย
(ภาพซ้ายมือ - Samsung พยายามขายประสบการณ์ที่ผู้ซื้อจะได้รับจาการใช้สินค้า ไม่ได้ขายผลิตภัณฑ์ตัวนั้นโดยตรง )
(ภาพขวามือ - นักล่าฝันหมายเลข V10 ของ Academy Fantasia - รายการที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ บ่งชี้ว่าผู้คนโหยหาสินค้าที่ตอบสนอง ความฝัน จินตนาการ ความรู้สึกและประสบการณ์ของการเสพและใช้สินค้า)
(ภาพขวามือ - นักล่าฝันหมายเลข V10 ของ Academy Fantasia - รายการที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ บ่งชี้ว่าผู้คนโหยหาสินค้าที่ตอบสนอง ความฝัน จินตนาการ ความรู้สึกและประสบการณ์ของการเสพและใช้สินค้า)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น