08 พฤศจิกายน 2553

Science of Fear - วิทยาศาสตร์ของความกลัว (ตอนที่ 3)


เมื่อครั้งที่ขงเบ้งกำลังจะสิ้นลมนั้น แม้กองทัพของพระเจ้าเล่าเสี้ยนจะถึงซึ่งความโศกาอาดูรแต่เพียงใด ก็จำต้องนำศพของขงเบ้งขึ้นนั่งแท่นบัญชาการรบ ตามอุบายที่ท่านขงเบ้งกำชับไว้ก่อนเสียชีวิต นัยว่าเมื่อกองทัพของสุมาอี้เห็นศพของขงเบ้งแล้ว ก็จักเข้าใจผิดคิดว่าขงเบ้งยังมีชีวิตอยู่ ด้วยความเกรงกลัวกลอุบายต่างๆ ของขงเบ้ง สุมาอี้ได้สั่งให้ชะลอทัพไว้ไม่ให้เข้าตีทัพของขงเบ้ง ซึ่งกำลังล่าทัพกลับเข้าไปยังเมืองเสฉวน แม้ชีวิตของท่านจะวายชนม์ไปแล้วก็ตาม ศพของท่านก็ยังช่วยทำให้กองทัพถอยกลับเข้าที่ตั้งอย่างปลอดภัย ช่วยรักษาชีวิตทหารได้หลายหมื่นคน

การสร้างความกลัว หรือสงครามจิตวิทยาแก่ฝ่ายข้าศึก นอกจากจะช่วยทำให้ได้เปรียบในการรบแล้ว ยังอาจจะช่วยไม่ให้สงครามเกิดขึ้นได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นการชนะก่อนที่จะรบเสียอีก ในอดีตกาล แม่ทัพนายกองที่มีความสามารถในการต่อสู้ จะสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้ทหารฝ่ายตรงข้ามได้มาก องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงใช้ยุทธวิธีในการสร้างความเกรงกลัวแก่ทหารพม่า นำกองทัพไทยเอาชนะในทุกสมรภูมิ ทั้งๆ ที่มีกำลังพลน้อยกว่าหลายเท่าตัว

เมื่อเดือนตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ประกาศเรียกข้อเสนอโครงการ เพื่อให้ทุนสนับสนุนการวิจัยภายใต้โครงการที่มีชื่อว่า Advances in Bioscience for Airmen Performance ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท (49 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในระยะเวลา 6 ปี โครงการนี้มีขอบข่ายในการสนับสนุนการวิจัยที่จะเพิ่มขีดความสามารถของนักบินของกองทัพ ให้สามารถทำการรบได้นานขึ้น อึดขึ้น มีสมาธิมากขึ้น รวมไปถึงเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลข้อมูลต่างๆ ในระหว่างยุทธการได้มากขึ้น แม่นยำขึ้น รวมไปถึงความสามารถของผู้บัญชาการสถานการณ์ให้มีการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องมากขึ้น

แต่สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดของโครงการนี้ก็คือ ทางกองทัพได้เสนอให้มีการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่สามารถไปลดทอนขวัญ กำลังใจของข้าศึก หรือไปเพิ่มความกลัว หรือเกรงขามให้แก่ฝ่ายตรงข้าม โดยการเข้าไปรบกวน กระตุ้น เปลี่ยนแปลง กลไกและระบบการทำงานในสมองส่วนที่ควบคุมสมาธิ หรือ ความมั่นใจของทหารข้าศึก รวมไปถึงทำให้ข้าศึกมีความสามารถในการรับรู้ และตัดสินใจได้น้อยลง

ถ้าหากงานวิจัยดังกล่าวได้ผลจนนำไปสู่อาวุธที่สามารถลดทอนประสิทธิภาพของสมองมนุษย์ได้โดยตรงแล้ว ในอนาคต กองทัพสหรัฐฯ จะเป็นฝ่ายได้เปรียบจนยากที่จะหากองทัพใดในโลกมาต่อกรด้วย ทั้งความทันสมัยของอาวุธทำลายล้าง ความเยี่ยมยอดของกำลังพล และที่ขาดไม่ได้คือ อาวุธความกลัวที่สร้างความอ่อนแอให้แก่ฝ่ายศัตรู .....

02 พฤศจิกายน 2553

The Rise of Machines - เมื่อยุคของหุ่นยนต์มาถึงแล้ว (ตอนที่ 5)


เมื่อครั้งที่ผมยังเยาว์วัยอยู่นั้น ผมได้รับการปลูกฝังในเรื่องการดูแล รักษาความสะอาดบ้านมาจากคุณแม่ ในตอนนั้น เรากวาดบ้าน ถูบ้านกันวันละ 2 ครั้ง พื้นบ้านของเราต้องสะอาดเอี่ยม ไม่มีรอยเท้า ไม่มีเส้นผมตกหล่น และเมื่อมีใครทำอะไรหก เลอะเทอะ ก็จะต้องมีใครมาจัดการเก็บกวาด เช็ดถู ในทันที ปัจจุบันนี้ ถึงแม้ผมจะไม่ได้อาศัยอยู่กับท่านแล้ว แต่สิ่งนี้ก็ได้ซึมซับอยู่ในตัวผม ทุกวันนี้ พื้นบ้านของผมสะอาดกว่าห้องไอซียูในโรงพยาบาล แต่มาตรฐานความสะอาดนี้ก็ต้องแลกมาด้วยการเสียเวลา เช็ดถูบ้านกันวันละหลายหน จนในที่สุดผมก็มานั่งคิดว่าคงจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ซึ่งนั่นก็คือการตัดสินใจที่จะสั่งซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น และ หุ่นยนต์ถูบ้าน จำนวนอย่างละตัว มาทดสอบใช้งาน

ในปี ค.ศ. 2002 บริษัท iRobot ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรูปร่างเหมือนแผ่นซีดี ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหม้อหุงข้าว ที่มีชื่อว่า Roomba มันเป็นหุ่นยนต์สำหรับดูดฝุ่นที่ทำงานด้วยตัวเองตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ โดยสามารถสแกนและจดจำลักษณะห้องที่มันอาศัยอยู่ และเมื่อมันปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้น มันสามารถที่จะกลับมายังแท่นชาร์จแบตเตอรีด้วยตัวเอง ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ เจ้า Roomba ได้รับการพัฒนาจนมีเวอร์ชันต่างๆ ออกมามากมาย ทั้งนี้เจ้า Roombaได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากพ่อบ้านแม่บ้านทั่วโลกด้วยยอดขายไปทั้งหมดแล้ว ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านตัว

เจ้าหุ่น Roomba นี้มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดสัมผัส ทำให้มันสามารถถอยออกเมื่อมันเคลื่อนที่ไปแตะกับสิ่งของ นอกจากนั้นมันยังมีเซ็นเซอร์อินฟราเรดที่สามารถตรวจวัดความต่างระดับของพื้น เพื่อที่มันจะได้สามารถหลีกเลี่ยงการตกบันได้ หรือพื้นต่างระดับได้ มันยังมีเซ็นเซอร์เพื่อตรวจวัดฝุ่น หรือสิ่งสกปรก เพื่อที่มันจะได้ปฏิบัติการในบริเวณสกปรกนั้นได้มากเป็นพิเศษ Roomba ถูกออกแบบมาให้สามารถวิ่งข้ามสายไฟได้ แถมยังสามารถทำความสะอาดสายไฟยุ่งๆ เหล่านั้นได้อีกด้วย มันฉลาดพอที่จะไม่วิ่งเข้าไปติดในซอกแคบๆ ที่อาจจะหาทางออกไม่ได้ และเมื่อมันรู้ตัวว่า มันกำลังตกอยู่ในภาวะที่ไม่ปลอดภัย เช่น อยู่ใกล้พื้นต่างระดับอย่างฉิวเฉียด หรือเคลื่อนเข้าไปติดสิ่งกีดขวาง มันจะหยุดเคลื่อนที่ แล้วส่งเสียงเพลงอย่างเศร้าโศกออกมา เพื่อที่เจ้าของจะหามันเจอและเคลื่อนย้ายมันออกไปซะ

หลังจากเจ้า Roomba ออกมาสร้างความฮือฮาในตลาดหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านได้ไม่กี่ปี ก็ได้มีบริษัทผู้ผลิตอื่นๆ ต่างพากันเปิดตัวหุ่นยนต์ทำความสะอาดออกมาเลียนแบบ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่า Roomba ... แต่มีหุ่นยนต์อยู่ตัวหนึ่งที่น่าสนใจครับ มันคือเจ้า Mint ซึ่งผลิตโดยบริษัท Evolution Robotics เจ้า Mint ไม่ใช่หุ่นยนต์ดูดฝุ่น แต่มันเป็นหุ่นยนต์ถูพื้นครับ โดยมันจะเคลื่อนที่เอาผ้าเปียกๆ ถูไปกับพื้นเพื่อทำความสะอาดคราบและฝุ่นต่างๆ มันมีระบบนำทางด้วยแสงอินฟราเรด ซึ่งจะสแกนขึ้นไปบนเพดานห้อง เพื่อที่มันจะได้รู้ว่าบริเวณไหนได้ถูไปแล้วบ้าง เจ้าหุ่นตัวนี้ ผมก็กำลังดูๆ อยู่ว่าจะสั่งเข้ามาได้ยังไง เพราะมันเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แถมบริษัทผู้ผลิตก็ยังไม่ส่งออกต่างประเทศโดยตรง ....

แล้วค่อยคุยกันต่อนะครับ ....