แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Japan แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Japan แสดงบทความทั้งหมด

16 กุมภาพันธ์ 2557

Musculoskeletal Robots - หุ่นยนต์กล้ามเนื้อเหมือนมนุษย์



วันนี้ผมขอพาไปรู้จักกับ "เคนชิโร" (Kenshiro) ครับ เคนชิโรเป็นหุ่นยนต์ที่พัฒนาขึ้น ณ มหาวิทยาลัยโตเกียว ครับ ความแปลกแตกต่างจากหุ่นยนต์ทั่วไปของเคนชิโรคือ เคนชิโร เป็นหุ่นยนต์ที่มีระบบจักรกล ที่เลียนแบบมาจากระบบกล้ามเนื้อและกระดูกของมนุษย์อย่างเหมือนที่สุด ต่างจากหุ่นยนต์ทั่วไปที่แม้ตัวจะเหมือนมนุษย์ แต่ระบบขับกลับเคลื่อนไปเหมือนรถยนต์มากกว่าครับ

เคนชิโรถูกสร้างเลียนแบบสรีระของเด็กชายญี่ปุ่นอายุ 12 ขวบ มันมีความสูง 158 เซ็นติเมตร และหนัก 50 กิโลกรัม มันมีกล้ามเนื้อใกล้เคียงกับมนุษย์ คือมี 160 มัดซึ่งแบ่งเป็นในขา 50 มัด ในลำตัว 76 มัน ที่ไหล่ 12 มัด และคอจำนวน 22 มัด มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยครับ ที่จะทำระบบกล้ามเนื้อของมนุษย์ใส่เข้าไปในหุ่นยนต์ โดยที่จำกัดให้น้ำหนักตัวของมันใกล้เคียงกับของมนุษย์

อีกไม่นานเกินรอ ... เราจะมีหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างและอากัปกริยาเหมือนมนุษย์ออกมาใช้ชีวิตร่วมกับพวกเราแล้วหล่ะครับ

More information on advanced robotics at http://www.jsk.t.u-tokyo.ac.jp/index.html

Credit - Picture and Data from University of Tokyo
http://www.jsk.t.u-tokyo.ac.jp/research/kenshiro.html

11 ตุลาคม 2556

ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสมาร์ทฟาร์ม


(Picture from Fujitsu)

เมื่อต้นเดือน ต.ค. 2556 ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงานการแสดงทางการค้า (Trade Fair) ที่มีชื่อว่า CEATEC Japan 2013 ในงานนี้ ทำให้ผมได้มีโอกาสเข้าไปติดตามความก้าวหน้าของระบบสมาร์ทฟาร์ม ซึ่งบริษัท Fujitsu พัฒนาขึ้นและได้นำมาออกแสดงในงาน CEATEC Japan แทบจะทุกปี โดยเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ ผมก็เคยเข้าไปดูงาน CEATEC Japan มาแล้วครั้งหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2007 นู่นเลยครับ ในครั้งนั้น ผมได้มีโอกาสไปเห็นบริษัท Fujitsu เสนอแนวคิดเรื่องสมาร์ทฟาร์มขึ้นมาใหม่ๆ ซึ่งผมก็ได้นำแนวคิดหลายๆ อย่างจากการไปเห็นในนิทรรศการนั่นแหล่ะครับ เอากลับมาทำ พูดอย่างไม่อายเลยครับว่า การไปดูงานแบบ expo หรือ trade fair เนี่ย มันช่วยจุดประกายความคิดเราได้เยอะ หลายๆ เรื่อง เราแค่ไปดูๆ แล้วเอากลับมาทำต่อยอดได้เลย 

หลังจากกลับมาจาก CEATEC Japan 2007 ผมก็ได้ลองนำแนวคิดหลายๆ อย่างของ Fujitsu กลับมาทำ ผ่านไปจากปี 2007 ก็อยากจะกลับไปดูว่า Fujitsu ทำอะไรใหม่ๆ บ้าง แล้วเวลาที่ผ่านมาตั้ง 6 ปี สิ่งที่ Fujitsu ทำ กับ สิ่งที่ผมได้ทำ มันมีพัฒนาการต่างกันเยอะมั้ย ... ไม่น่าเชื่อครับ พอกลับมาดูอีกที ปรากฎว่า พัฒนาการของสมาร์ทฟาร์มของ Fujitsu กับที่ผมทำและวางแผนจะทำ มันกลับมีความคล้ายคลึงกันมาก ทั้งๆ ที่ ในช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยติดตามงานของ Fujitsu อีกเลย

นั่นแสดงว่า แนวโน้มของการพัฒนาสมาร์ทฟาร์มในโลกนี้ มันกำลังไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็คือ

(1) เรื่องของการติดตามข้อมูลและกิจกรรมในไร่ ด้วยเซ็นเซอร์ (Field Sensors) ต่างๆ รวมไปถึงการใช้จักรกล หุ่นยนต์ และเครื่องทุ่นแรงที่มีระบบอัจฉริยะ

(2) เรื่องของ mobile devices ที่เข้ามามีส่วนในการทำไร่ทำนา การบันทึกและเข้าถึงข้อมูลต่างๆ

(3) เรื่องของระบบ Cloud Computing ที่จะทำให้พารามิเตอร์ในการเพาะปลูก ปัจจัยการผลิต สภาพผลผลิต เชื่อมโยงกันหมด จากไร่นาไปสู่โรงงานแปรรูป และผู้จัดส่งอาหาร ไปถึงผู้บริโภค รวมถึงการเชื่อมโยงเซอร์วิสอื่นๆ ในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด

เมื่อการเพาะปลูกเชื่อมโยงเข้ากับห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด พารามิเตอร์ ตัวแปร ต่างๆ สามารถที่จะนำมาเชื่อมโยงกันด้วยโมเดลทางคณิตศาสตร์ และอัลกอริทึมต่างๆ ทำให้เกษตรกรสามารถวิเคราะห์ราคาพืชผล จาก demand-supply ได้

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากงาน CEATEC Japan 2013 ที่เป็นเรื่องใหญ่ๆ อีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องของระบบอัจฉริยะมันมาถึงจุดที่ใกล้ความเป็นจริงมากๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Smart City, Smart Car, Smart Home, Smart Healthcare และนั่น ก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ Smart Farm เกิดขึ้นในไม่ช้านี้ครับ ....

20 สิงหาคม 2555

HRI 2013 - The 8th Annual Conference for basic and applied human-robot interaction research



(Picture from www.wendymag.com)

Human Robot Interactions เรียกย่อๆ ว่า HRI เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องของปฏิสัมพันธ์ระหว่างหุ่นยนต์ กับ มนุษย์ ซึ่งรวมถึงการสื่อสารระหว่างกัน การใช้ชีวิตร่วมกัน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน เพื่อให้สังคมมนุษย์สามารถใช้ชีวิตร่วมกับสังคมของหุ่นยนต์ได้อย่างปกติสุข ปัจจุบันหุ่นยนต์มีความก้าวหน้ามากขึ้นๆ ทุกวัน เราเริ่มเห็นหุ่นยนต์เข้ามาช่วยทำงานบ้าน เช่น เจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่จะออกมาทำความสะอาดพื้นที่ช่วงเวลากลางคืน หรือตอนที่เราออกไปทำงาน แล้วมันก็จะสามารถวิ่งไปชาร์จไฟเองได้ ภัตตาคารหลายแห่งเริ่มนำหุ่นยนต์เสริฟอาหารมาใช้งาน เมื่อ 2-3 ปีก่อนก็มีการเปิดตัวหุ่นยนต์สอนหนังสือเด็ก และที่น่าสนใจมากคือ หุ่นยนต์สำหรับเป็นคู่รัก ซึ่งนักเทคโนโลยีหุ่นยนต์คาดว่าอีกไม่เกิน 20 ปี เราจะเริ่มใช้ชีวิตกับหุ่นยนต์ในลักษณะชู้สาว เป็นเพื่อนที่ให้ความรักและความอบอุ่นทั้งทางใจ และทางกาย

ในประชาคมวิจัยทางด้าน HRI เขามีการจัดการประชุม รวมตัวกัน เพื่ออัพเดตความก้าวหน้าและแลกเปลี่ยนความรู้กันทุกปีครับ ในปีหน้างานนี้จะไปจัดที่โตเกียว ซึ่งเป็นดินแดนที่มีความก้าวหน้าด้านหุ่นยนต์ที่สุดในโลก งาน HRI 2013 หรือชื่อเต็มว่า The 8th Annual Conference for basic and applied human-robot interaction research จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2556 ครับ กำหนดส่งบทความฉบับเต็มใกล้เข้ามาแล้ว คือวันที่ 10 กันยายน 2555 ที่จะถึงนี้ ใครจะไปต้องรีบหน่อยแล้วหล่ะครับ

HRI มีความเป็นสหวิทยาการมากครับ ต้องมีการบูรณาการข้ามศาสตร์มากมาย ถึงจะสามารถทำงานวิจัยทางด้านนี้ให้มีความก้าวหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็น วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า วิทยาการคอมพิวเตอร์ นาโนเทคโนโลยี ประสาทวิทยา จิตวิทยา พฤติกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์การรับรู้ (Cognitive Science) มานุษยวิทยา ดังนั้น หัวข้อที่จะประชุมจึงมีความหลากหลาย แต่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องและมีประโยชน์ต่อการพัฒนาเทคโนโลยี HRI นะครับ เขาถึงจะรับงานของเรา

หัวข้อที่การประชุมนี้สนใจ ได้แก่

Socially intelligent robots
Robot companions
Lifelike robots
Assistive (health & personal care) robotics
Remote robots
Mixed initiative interaction
Multi-modal interaction
Long term interaction with robots
Awareness and monitoring of humans
Task allocation and coordination
Autonomy and trust
Robot-team learning
User studies of HRI
Experiments on HRI collaboration
Ethnography and field studies
HRI software architectures
HRI foundations
Metrics for teamwork
HRI group dynamics
Individual vs. group HRI
Robot intermediaries
Risks such as privacy or safety
Ethical issues of HRI
Organizational/society impact

เห็นหัวข้อแล้ว ก็อยากจะไปฟังเลยนะครับ ....

30 กรกฎาคม 2555

Intelligent Vending Machine - ตู้หยอดเหรียญอัจฉริยะ (ตอนที่ 4)



(Picture from http://choco04.wordpress.com/tag/vending-machine/)

วันนี้อยู่ดีๆ ก็คิดถึงญี่ปุ่นขึ้นมา คิดถึงตู้หยอดเหรียญน่ารักๆ คิดถึงวันชื่นคืนสุข เมื่อไหร่ก็ตามที่ไปใช้ชีวิตในญี่ปุ่น ไม่เคยมีวันไหนที่จะไม่ไปใช้บริการตู้หยอดเหรียญ เพื่อซื้อของกิน ของเล่น ของบันเทิงเริงใจ ตีหนึ่ง ตีสอง ก็พึ่งพาได้เสมอๆ วันนี้เลยขอเขียนเกี่ยวกับตู้หยอดเหรียญอัจฉริยะเป็นตอนที่ 4 หลังจากห่างหายจากเรื่องนี้ไปค่อนข้างนานมากๆ เลยครับ

ขอท้าวความเดิมหน่อยนะครับ ว่ากันประเทศญี่ปุ่นมีเครื่องหยอดเหรียญมากมายถึง 5.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นจำนวนตู้หยอดเหรียญ 1 ตู้ ต่อประชากร 23 คน มากที่สุดในโลกครับ ครึ่งหนึ่งของ 5 ล้านกว่านี้เป็นตู้สำหรับกดเครื่องดื่มไร้อัลกอฮอล์ครับ ประมาณ 118,000 ตู้จะเป็นของแปลกที่ไม่น่าเอามาใส่ในตู้ ไม่ว่าจะเป็น มีดโกนหนวด ถุงเท้า ไข่ไก่ มี 5,500 ตู้ที่เป็นบะหมี่กระป๋อง รายได้ของตู้หยอดเหรียญทั้งหมดรวมทั้งปีมีมูลค่าถึง 7,000,000,000,000 เยน หรือ ประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท 

นับวันตู้หยอดเหรียญจะฉลาด (และน่ารัก) มากขึ้นเรื่อยๆ มีการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจอภาพแบบสัมผัส การตรวจหาอายุของผู้ใช้บริการ ตู้สมัยใหม่ไม่ต้องใช้เหรียญหยอด แต่สามารถใช้บัตรสมาร์ทการ์ด หรือ บัตรเครดิต นอกจากนั้นมันยังเชื่อมต่อกับโครงข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อให้บริการอื่นๆ เช่น แผนที่ไปยังจุดที่น่าสนใจ แนะนำร้านอาหารน่าทานบริเวณนั้น รวมทั้ง มันยังมีการเช็คสต็อกตัวเอง แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังบริษัท โดยที่เจ้าของบริษัทสามารถรู้ข้อมูลการให้บริการว่า ส่วนใหญ่คนมากดเอาอะไรในช่วงเวลาไหนบ้าง ทำให้รู้ข้อมูลพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนอีกด้วย นอกจากนั้น แนวโน้มในอนาคตที่ผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นก็คือ ตู้หยอดเหรียญจะทำตัวเสมือนเป็นเกมส์ ทำให้ผู้ใช้บริการอยากที่จะไปหยอดซื้อมากขึ้น ครั้งหนึ่งที่ผมไปญี่ปุ่นกับภรรยา ภรรยาของผมหยอดน้ำกระป๋องที่มีรูปไอ้มดแดงออกมาทุกรสชาติที่มีขายในตู้นั้น แล้วเทเอาน้ำออก เอากระป๋องกลับมาตั้งโชว์ที่บ้าน

บทบาทที่มากขึ้นเรื่อยๆ ของตู้หยอดเหรียญนี้ ทำให้แม้แต่บริษัทอินเทล ก็เริ่มมาให้ความสนใจ โดยอินเทลมีแผนจะขายตู้หยอดเหรียญอัจฉริยะ เพราะประเมินว่าในปี ค.ศ. 2016 ตลาดจะมีความต้องการตู้หยอดเหรียญอัจฉริยะมากถึง 2 ล้านตู้ต่อปี ตู้หยอดเหรียญที่อินเทลจะสร้างนี้ จะมีจอภาพขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถทำการโฆษณาได้ โดยสามารถส่งการโฆษณาแบบต่างๆ ไปที่ตู้ ให้เหมาะกับเวลาและสถานที่ ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของตู้ จะมีรายได้จากการโฆษณาเพิ่มเติมจากการขายสินค้า

พูดแล้วก็อยากให้วันนั้น มาถึงไวๆ ครับ .....

14 มีนาคม 2555

ICFPE2012 - The 2012 International Conference on Flexible and Printed Electronics



วันนี้ผมมีการประชุมวิชาการทางด้านเทคโนโลยีที่น่าสนใจ มานำเสนอสำหรับคนที่ชอบประเทศญี่ปุ่นครับ งานประชุมนี้มีชื่อว่า ICFPE2012 ซึ่งมีชื่อเต็มว่า The 2012 International Conference on Flexible and Printed Electronics ซึ่งจะจัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 5-8 กันยายน พ.ศ. 2555 โดยมีกำหนดส่งบทคัดย่อไม่เกินวันที่ 21 เมษายน 2555 ครับ ยังพอมีเวลารีบปั่นงานส่งครับผม งานประชุมนี้ เห็นว่าได้รับการยืนยันว่าจะมี ศาสตราจารย์ ไออิจิ เนกิชิ (Professor Ei-ichi Negashi) ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี 2010 มาเป็นองค์ปาฐกด้วยครับ จริงๆ แล้วศาสตราจารย์ เนกิชิ เนี่ย ท่านได้รับรางวัลโนเบลจากผลงานการคิดค้นปฏิกริยาเคมีสังเคราะห์ ซึ่งพักหลังนี้ ท่านเริ่มมาสนใจงานทางด้านอินทรีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Organic Electronics) ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการทำวงจรอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ โดยใช้สารอินทรีย์เป็นวัสดุในการทำลายวงจร ต่างจากเทคโนโลยีปัจจุบันที่ใช้สารอนินทรีย์เป็นวัสดุทำวงจรไฟฟ้า ซึ่งอินทรีย์อิเล็กทรอนิกส์จะเป็นพื้นฐานของการทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต

ด้วยการมองการณ์ไกล บริษัทโซนีจึงได้แต่งตั้งให้ศาสตราจารย์ เนกิชิให้เป็นที่ปรึกษาด้านบริหารงานวิจัยของบริษัทโซนี ในสาขาอินทรีย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยท่านจะให้คำปรึกษาแก่คณะผู้บริหาร และคณะวิจัยในการดำเนินโครงการทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้ ในระยะหลังๆ บริษัทโซนีได้ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีอินทรีย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างมาก โดยโครงการเด่นๆ ที่ทางโซนีทำอยู่ก็เช่น จอภาพอินทรีย์เปล่งแสง (OLED) เซลล์สุริยะแบบอินทรีย์ (Organic Solar Cell) แบตเตอรีแบบอินทรีย์ (Organic Battery) และพลาสติกที่ทำมาจากผัก (Vegetable-Based Plastics) โดยมือสังเคราะห์วัสดุขั้นเทพอย่างศาสตราจารย์ เนกิชิ จะเข้ามาช่วยทำให้โซนีมีความได้เปรียบในเรื่องการค้นหา วัสดุใหม่ สำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทในอนาคต

นอกจากจะมีองค์ปาฐกระดับรางวัลโนเบลแล้ว งานนี้ยังมีผู้บรรยายระดับเทพหลายคน เช่น Ryoji Chubachi รองประธานบริษัทโซนี มี Professor Michael Graetzel จากสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงทางด้าน การสร้างอุปกรณ์โซลาร์เซลล์แบบอินทรีย์ และยังมี Kinam Kim ประธานอำนวยการบริหาร Samsung Advanced Institute of Technology

ในระยะหลังๆ เราจะเห็นว่า การประชุมทางวิทยาศาสตร์จะมีภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีลักษณะเป็น Global ด้วย กล่าวคือ การวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน ไม่ได้จำกัดแต่ในฐานการผลิตที่เป็นประเทศของตนเองอีกแล้ว ปัจจุบัน บริษัทเอกชนได้เข้าไปว่าจ้างอาจารย์ และ ทีมวิจัยที่อยู่ตามมหาวิทยาลัยในประเทศต่างๆ ให้ทำวิจัยให้ตน ในประเทศไทยเอง เริ่มมีบริษัทต่างชาติหลายแห่งแล้วครับ ที่เข้ามาว่าจ้างให้อาจารย์ในมหาวิทยาลัยในบ้านเราทำงานวิจัยให้ โดยมีการให้เงินทุน และให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาของเรา ให้ทำโจทย์วิจัยที่พวกเขาสนใจ เราจะเห็นได้ว่า วิทยาศาสตร์เองก็เริ่มเป็นเรื่องของการ Outsourcing คือเราจะทำเฉพาะส่วนที่เราถนัดจริงๆ ส่วนที่คนอื่นทำเก่งกว่าเราก็ไปจ้างเขาทำ เพื่อที่เราจะได้นำแต่ส่วนที่เป็นของดีๆ มาประกอบกันเป็นผลงานที่เยี่ยมยอดได้

แล้วการประชุมนี้มีหัวข้อที่น่าสนใจอะไรบ้าง เรามาดูกันนะครับ ....

Organic and Printed Electronics
New printing materials for flexible and E-paper display
Advanced flexible display technologies
Business strategy, outlook and development for flexible display
Digital fabrication for flexible and printed electronics
Printing process of organic devices
Printed solar system, organic thin film and DSSC
Printed devices for bio and medical applications
Organic sensing devices and related nano-technologies
Printed and flexible sensors and sensor integration
Organic materials and devices for information and communication
Printed organic thin film transistors
Organic light emitting materials and devices-OLED and OFET
Printable organic and polymer light-emitting diodes and displays
Flexible metal oxide thin-film transistors
Low temperature processing of ceramic-based thin film
Nano inks and related technology
Green Printed Electronics
Packaging and interconnects for advanced flexible and printable circuit boards
Stretchable Electronics
Characterization and development of substrates, sealing materials and relate d device properties
Web handling and related technologies
Precision Coating, Drying, and Foaming
Printed intelligence from roll-to-products
Roll-to-roll printing systems for flexible and printed electronics
Diversity of printing technology for electronic device manufacturing
Organic semiconductor materials
Crystal structure and morphology design in organic semiconductors
Integrated transistors and circuits on flexible subst
Charge dynamics in organic semiconductors

แล้วพบกันที่โตเกียวครับ ....

04 สิงหาคม 2554

AROB2012 - The 17th International Symposium on Artificial Life and Robotics


อย่างที่ผมมักจะพูดเสมอครับว่า เรื่องของการบูรณาการระหว่างมนุษย์และจักรกล (Man-Machine Integration) และการปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิตใจกับวัสดุ (Mind-Materials Interaction) เป็นกระบวนทัศน์ใหม่ที่กำลังจะพัฒนาขึ้นมาจนอาจจะกลายเป็นกระแสหลักของโลกในศตวรรษที่ 21 นี้ ยิ่งในระยะหลังๆ เราจะเห็นมีการประชุมทางด้านวิชาการของศาสตร์ที่เกี่ยวข้องเยอะมาก ปีหนึ่งมีการประชุมหลายๆ แห่งที่ใช้ keywords คล้ายๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น HCI (Human-Computer Interactions), HRI (Human-Robot Interactions), BCI (Brain-Computer Interface), Neurocognitive Science, Biorobotics เป็นต้น

ในช่วงปีหน้า หรือปี 2012 แนวโน้มก็ยังเป็นเช่นนั้นครับ มีการประชุมทางด้านนี้มากมายที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก วันนี้ผมขอนำการประชุมที่น่าสนใจหนึ่งมานำเสนอครับ นั่นคือ AROB2012 - The 17th International Symposium on Artificial Life and Robotics ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมือง Beppu ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 19-21 มกราคม พ.ศ. 2555 โดยกำหนดส่งบทคัดย่อในวันที่ 1 กันยายน 2554 ที่ใกล้เข้ามานี้ หลังจากนั้นจะมีการตอบรับในวันที่ 15 กันยายน 2554 พร้อมกำหนดส่งบทความฉบับเต็มภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2554 ครับ .... ลองดูเนื้อหากันนะครับ ยังมีเวล

หัวข้อที่เป็นที่สนใจของการประชุมนี้ก็มีดังนี้ครับ

Artificial brain research
Artificial intelligence
Artificial life
Artificial living
Artificial mind research
Bioinformatics
Bipedal robot
Brain science
Chaos
Cognitive science
Complexity
Computer graphics
Control techniques
Date mining
DNA computing
Evolutionary computations
Fuzzy control
Genetic algorithms
Human-machine cooperative systems
Human-welfare robotics
Image Processing
Intelligent control&modeling
Learning
Management of Technology
Medical surgical robot
Micromachines
Mobile vehicles
Molecular biology
Multi-agent systems
Nano-biology
Nano-robotics
Neurocomputing technologies
Neural networks and its application for hardware
Pattern recognition
Quantum computing
Resilient infrastructure systems
Robotics
Soccer robot
Virtual reality
Visualization

จะเห็นว่าหัวข้อค่อนข้างกว้าง แต่แนวโน้มของศาสตร์จะไปทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่เคยอยู่ในสาขาหุ่นยนต์มาก่อน อย่างเช่น Nano-robotics, Nano-biology, Quantum Computing, Neurocomputing technologies, Molecular biology ซึ่งจะมีความเป็นชีววิทยาเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จริงๆ แล้วในมุมมองจากชีววิทยานั้น หุ่นยนต์ก็มีแนวโน้มที่จะเหมือนสิ่งมีชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็อาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ในขณะที่หากมองจากมุมของหุ่นยนต์ศาสตร์ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ก็ทำงานคล้ายๆ กับเป็นหุ่นยนต์ ลองสังเกตมดสิครับ มันเดินเรียงแถวกันไปหาอาหาร เดินกลับรัง เอาอาหารมาเก็บแล้วออกไปใหม่ มันใช้ชีวิตไม่ต่างอะไรจากหุ่นยนต์เลย ....

30 พฤษภาคม 2554

IEEE-NEMS 2012 - The 7th Annual IEEE International Conference on Nano/Micro Engineered and Molecular Systems




วันนี้ผมขอแนะนำการประชุมทางด้านนาโนเทคโนโลยีประจำปีที่สำคัญงานหนึ่งนะครับ นั่นคืองาน IEEE-NEMS 2012 ซึ่งจะจัดกันเป็นปีที่ 7 แล้วครับ โดยจะจัดกันที่เกียวโตครับ ระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคม 2555 กำหนดส่ง Extended Summay วันที่ 31 สิงหาคม 2554 นี้ครับ ส่วนเนื้อหาของการประชุมที่เป็นที่สนใจในครั้งนี้

1. Nanophotonics
2. Nanomaterials
3. Carbon Nanotube based Devices and Systems
4. Nanoscale Robotics, Assembly, and Automation
5. Molecular Sensors, Actuators, and Systems
6. Integration of MEMS/NEMS with Molecular Sensors/Actuators
7. Microfluidics and Nanofluidics
8. Micro and Nano Heat Transfer
9. Nanobiology, Nano-bio-informatics, Nanomedicine
10. Micro and Nano Fabrication
11. Micro/Nano Sensors and Actuators
12. Micro/Nanoelectromechanical Systems (M/NEMS)

สำหรับคนที่เป็นแฟนของประเทศญี่ปุ่น และชอบเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ควรพลาดครับ เพราะเมืองเกียวโตเป็นเมืองที่มีบรรยากาศน่ารื่นรมย์มาก เหมือนเชียงใหม่ของบ้านเรายังไงยังงั้น แต่เกียวโตยังรักษาสภาพความเป็นญี่ปุ่นไว้เป็นอย่างดี ถ้าใครชอบทำบุญไหว้พระ ที่เกียวโต ก็มีวัดที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มากมายเลยครับ คิดถึงญี่ปุ่น ตั้งแต่เกิดสึนามิก็ยังไม่ได้ไปญี่ปุ่นเลย งานนี้จึงพลาดไม่ได้ครับ

24 ตุลาคม 2553

Augmented Human 2011


บ่อยครั้งเวลาผมได้ยินใครๆ พูดถึงคนพิการ ผมก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า โลกเรานี้หนอ ทำไมจึงแบ่งมนุษย์ออกเป็น 2 จำพวก คือ คนปกติ กับ คนพิการ โดยกลุ่มคนประเภทหลังนี้มีสมรรถภาพทางร่างกาย (และในบางครั้ง ก็หมายรวมสมรรถภาพทางใจ หรือทางความคิดด้วย) ด้อยกว่าคนทั่วไป เอ้า .. คราวนี้ ถ้าเราลองมาคิดเล่นๆ ดูนะครับว่า สมมติว่าในอนาคต เรามีเทคโนโลยีที่จะทำให้มนุษย์ธรรมดา มีสมรรถภาพทางร่างกาย (หรืออาจจะทางใจด้วย) สูงขึ้นเกินกว่ามนุษย์สามัญได้ และเทคโนโลยีเหล่านี้ก็เข้าถึงได้เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น ... ทีนี้ต่อไป เราจะไม่แบ่งมนุษย์ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ผู้พิการ คนธรรมดา และคนเหนือธรรมดา กันหรอกหรือ ?

ที่สำคัญ เหตุการณ์ที่ผมยกขึ้นมาเล่นๆนี้ มันมีโอกาสเกิดขึ้นจริงๆ เสียด้วย เพราะในช่วงไม่กี่ปีมานี้ หัวข้อวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มสมรรถภาพของมนุษย์ กำลังเป็นที่สนใจกันอย่างมาก มีการประชุมทางวิชาการที่เกี่ยวข้องมากมายเกิดขึ้นทั่วโลกครับ และการประชุมที่ผมจะนำมาแนะนำกันในวันนี้ ถือว่าเป็นการประชุมระดับครีมของคนที่ทำวิจัยทางด้านนี้เลยครับ

การประชุมที่มีชื่อว่า Augmented Human 2011 นี้จะจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ระหว่างวันที่ 12-14 มีนาคม 2554 สถานที่ที่ใช้จัดประชุมนี้มีความน่าสนใจมากครับ เพราะอยู่ในย่านที่มีชื่อว่า โอไดบะ (Odaiba) ซึ่งเป็นเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้น ย่านนี้มีสิ่งน่าสนใจมากมายเลยครับ ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งบันเทิงเริงใจ พิพิธภัณฑ์ และหอประชุมที่ใหญ่โตโอฬารมาก ที่สำคัญมันเป็น 1 ใน 2 ย่านของกรุงโตเกียวที่ติดกับทะเลครับ จึงได้บรรยากาศของเกาะฮ่องกงและสิงคโปร์แถมมาอีกด้วย

กำหนดส่งผลงาน (เปเปอร์เต็ม) คือวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ครับ หัวข้อที่เป็นที่สนใจของการประชุมนี้ ได้แก่

- Augmented and Mixed Reality
- Internet of Things
- Augmented Sport
- Sensors and Hardware
- Wearable Computing
- Augmented Health
- Augmented Well-being
- Smart Artifacts & Smart Textiles
- Augmented Tourism and Games
- Ubiquitous Computing
- Bionics and Biomechanics
- Training/Rehabilitation Technology,
- Exoskeletons
- Brain Computer Interface
- Augmented Context-Awareness
- Augmented Fashion
- Safety, Ethics and Legal Aspects
- Security and Privacy Aspects

น่าสนใจกันขนาดนี้ ทั้งสถานที่จัดประชุม และหัวข้อที่เสนอในการประชุม งานนี้คงต้องไปให้ได้ครับ ...

10 กันยายน 2553

ICAS2011 - IUPAC International Congress on Analytical Sciences


สำหรับคนที่ชอบประเทศญี่ปุ่น และกำลังมองหาการประชุมทางวิชาการดีๆ ในประเทศนี้ วันนี้ผมมีการประชุมหนึ่งมาแนะนำครับ เป็นการประชุมที่ร่วมกันจัดระหว่าง The Japan Society for Analytical Chemistry กับ IUPAC (International Union for Pure and Applied Chemistry) การประชุมนี้มีชื่อว่า ICAS2011 - IUPAC International Congress on Analytical Sciences จะจัดขึ้นที่เกียวโต ระหว่างวันที่ 22-26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 กำหนดส่งบทคัดย่อก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วครับ คือวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553 นี้เอง ยังทันนะครับ เพราะเป็นแค่บทคัดย่อเอง

เนื้อหาของการประชุมนี้จะเกี่ยวข้องกับศาสตร์และเทคนิค รวมทั้งเครื่องมือทางเคมีวิเคราะห์ต่างๆ โดยในระยะหลังนี้จะมีเรื่องของนาโนเทคโนโลยี การวิเคราะห์ทางด้านอาหาร และสิ่งแวดล้อม ผนวกเข้ามาด้วย เลยทำให้การประชุมนี้ค่อนข้างกว้างมาก ขอยกตัวอย่างประเด็นวิจัยที่สามารถส่งไปเสนอผลงานในที่ประชุมนี้ เช่น

- เรื่องของเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ (Advanced Instrumental Analysis) ขอเน้นว่าต้อง advanced นะครับ ได้แก่ chromatography, electrophoresis, molecular spectroscopy, atomic spectroscopy, electroanalytical chemistry, microfluidics, mass spectroscopy, sensor systems, X-Rays analysis

- Nanoscience and Nanotechnology ใครทำทางด้านนี้ รู้สึกว่าจะได้เปรียบ เพราะเข้าไปเกี่ยวข้องได้จะแทบทุกเรื่อง เรื่องที่เขาสนใจในที่ประชุมนี้ก็ได้แก่ nanoparticles and nanostructures for analysis, microparticle and interface analysis

- Biological and Bio-analysis เช่น bioprocess monitoring, biomolecular imaging, quantitative biology, separation science for drug analysis

- Environmental Sciences ได้แก่ environmental analyses for hazardous organic compounds, environmental chemistry of metals and metalloids, advanced flow-based analytical chemistry, geochemical analysis

- Safety, Security and Sustainability เช่น เรื่องของ food safety, forensics and homeland security

การประชุมนี้ ผมวางแผนไว้ว่าจะพานักศึกษาปริญญาเอกไปเสนอผลงาน 2 คน คาดว่าจะมีคนไทยไปเข้าร่วมเสนอผลงานหลายท่านด้วย เพราะจริงๆ แล้ว บ้านเรามีคนทำงานวิจัยทางด้านนี้ค่อนข้างมาก ... แล้วพบกันที่เกียวโตครับ ...

19 กรกฎาคม 2553

Wireless Power - ระบบส่งพลังงานแบบไร้สาย (ตอนที่ 2)


ในจำนวนพลังงานทางเลือกทั้งหมดที่มีให้เลือก ดูเหมือนพลังงานแสงอาทิตย์น่าจะเป็นทางเลือกที่ตรงจุดมากที่สุด เพราะจะว่าไปแล้ว แหล่งกำเนิดของพลังงานทางเลือกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพลังงานลม เอธานอล ไบโอดีเซล สุดท้ายก็มีต้นกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์นี่แหล่ะครับ แนวคิดหนึ่งในการดักเอาพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ก็คือ การไปสร้างสถานีไฟฟ้าโซลาเซลล์บนวงโคจรในอวกาศ แต่จะส่งพลังงานไฟฟ้ากลับมาใช้ยังโลก ยังไงล่ะครับ ?

ล่าสุดประเทศญี่ปุ่น อาจจะกลายมาเป็นผู้นำทางด้านสถานีไฟฟ้าในอวกาศก็ได้ครับ เพราะทางกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (หรือ METI) ของญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศว่า รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าจะส่งดาวเทียมที่ติดตั้งแผงโซลาเซลล์ขนาดใหญ่ ไปลอยอยู่ในวงโคจรของโลก เพื่อไปทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าในอวกาศ มีกำหนดไม่เกินปี 2020 นี้ ดาวเทียมดวงนี้จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในระดับกิกะวัตต์ ซึ่งมากเพียงพอจะหล่อเลี้ยงบ้านเรือนได้ประมาณ 300,000 หลัง โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกยิงลงมายังสถานีฐานในรูปของคลื่นไมโครเวฟ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ได้ให้ความเห็นว่า ดาวเทียมดวงนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า สถานีไฟฟ้าในวงโคจร เป็นแนวความคิดที่เป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งพร้อมจะดำเนินการเป็นเรื่องเป็นราวในเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 20 ปี

สถานีไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในวงโคจร ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นที่สุดของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ทั้งหลาย เพราะเมื่อเทียบกับการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยแผงโซลาเซลล์บนพื้นโลกแล้ว โรงไฟฟ้าในวงโคจรสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องคำนึงถึงสภาพดินฟ้า อากาศ ก้อนเมฆ หรือพายุฝน การนำส่งพลังงานไฟฟ้าลงมายังพื้นโลกก็สามารถทำได้อย่างไม่ต้องสนใจสภาพอากาศเช่นกัน หากเลือกความถี่ของคลื่นไมโครเวฟที่เหมาะสม

11 พฤษภาคม 2553

IEEE BIOROB 2010 - The 3rd IEEE/RAS-EMBS International Conference on Biomedical Robotics and Biomechanics


ช่วงนี้แนะนำการประชุมวิชาการ เอาแบบให้จุใจเลยนะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีเยอะมาก แต่เลือกเอาเฉพาะศาสตร์ที่น่าสนใจ และดูจะเป็นอนาคต บวกกับสถานที่เพื่อให้สามารถไปเที่ยวในคราวเดียวกันได้ วันนี้ผมขอแนะนำการประชุมหนึ่งที่น่าสนใจมาก แต่ตัวผมเองคงไม่ได้ไปเข้าร่วม การประชุม IEEE BIOROB 2010 - The 3rd IEEE/RAS-EMBS International Conference on Biomedical Robotics and Biomechanics นี้จะจัดขึ้นที่เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 26-29 กันยายน 2553 ซึ่งพ้นกำหนดส่งผลงานกันไปแล้วครับ แต่ที่นำมาเสนอไว้ที่บล็อกนี้ ก็เพื่อให้ติดตามกันว่าโปรแกรมการเสนอผลงานเป็นอย่างไรกันบ้าง จะได้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มได้ว่า ผู้คนกำลังสนใจเรื่องอะไรกันอยู่ และจะเป็นอย่างไรในอนาคต

สำหรับการประชุมนี้ พอดูชื่อ BIOROB 2010 แล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เพราะชื่อไปคล้ายๆ กับ ROBIO 2010 ซึ่งกำเนิดในประเทศจีน แต่ของ ROBIO เขาจัดมานานกว่า แสดงว่าประเทศอื่นก็ก๊อปปี้จีนเป็นเหมือนกัน เนื้อหาของ BIOROB จะเน้นทางด้านสุขภาพและการแพทย์ ซึ่งต่างจาก ROBIO ที่เน้นเทคโนโลยีของหุ่นยนต์ศาสตร์ และวิศวกรรมเลียนแบบธรรมชาติ ส่วนจะเอาไปประยุกต์ใช้ทางด้านไหน เขาก็ไม่ว่าครับ

เนื้อหาของการประชุม BIOROB อย่างที่บอกล่ะครับว่า เน้นทางด้านการแพทย์ ได้แก่

- Biologically-inspired systems
- Biomechatronic systems
- Biorobotics
- Exoskeletons and augmenting devices
- Human-machine interaction
- Locomotion and manipulation in robots and biological systems
- Micro/nano technologies in medicine and biology
- Neuro-robotics
- Protheses
- Rehabilitiation and assistive robotics
- Surgery and diagnosis

ไม่ว่าจะเป็น BIOROB หรือ ROBIO ก็ตาม ทั้งคู่ก็ได้สะท้อนให้เห็นเทรนด์ของการบูรณาการระหว่าง จักรกลกับชีวิต ว่าสิ่งนี้กำลังจะพยุหยาตราเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของพวกเราแน่ๆ ในอนาคตที่ไม่ไกลจากนี้ .....

18 พฤศจิกายน 2552

International Conference on Science and Technology of Synthetic Metals 2010



วันนี้ขอแนะนำอีก conference ต่อกันเลยนะครับ การประชุมนี้เป็นการประชุมที่จัดมาแล้ว 19 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 20 ครับ เนื่องจากการประชุมนี้จัดทุกๆ 2 ปี ดังนั้น การประชุมนี้จึงมีอายุยาวนานถึง 40 ปีแล้วครับ ซึ่งการประชุมครั้งแรกนั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อปรมาจารย์ทางด้านพลาสติกนำไฟฟ้าคือ Alan J. Heeger, Alan MacDiarmid and Hideki Shirakawa ได้รายงานการค้นพบพอลิเมอร์ที่มีคุณสมบัตินำไฟฟ้าได้ ซึ่งท่านทั้ง 3 ก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี ค.ศ. 2000

การประชุม International Conference on Science and Technology of Synthetic Metals 2010 นี้จะจัดที่เมืองเกียวโต เมืองประวัติศาสตร์มรดกโลก ซึ่งผมก็เคยไปเยือนเมืองแห่งนี้มาแล้วครับ เป็นเมืองที่น่ารักเหมือนเชียงใหม่ของเรา งานจะจัดระหว่างวันที่ 4-9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 สิ่งที่น่าสนใจสำหรับงานนี้ก็คือ มีนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกให้เกียรติมาพูดในงานหลายคน เช่น Professor Alan J. Heeger จะมาพูดเรื่องพอลิเมอร์นำไฟฟ้าเจเนอเรชั่นที่สาม Professor Sir Richard H. Friend ซึ่งดังมากเรื่องอุปกรณ์เปล่งแสงอินทรีย์ (Organic Light-emitting Device หรือ OLED) Professor Sumio Iijima ผู้ค้นพบท่อนาโนคาร์บอนก็มาพูดครับ แล้วก็มีคนดังรองลงมาอีกมากมายครับ

หัวข้อวิจัยที่เป็นที่สนใจของที่ประชุมนี้ ได้แก่
Inherently Conductive Polymers
Molecular and Polymeric Materials for Electronics, Optoelectronics, Photonics and Magnetics
Advanced Conjugated Materials and Technologies for Applications
Organic Conductors and Superconductors
Fullerenes, Carbon Nanotubes, Graphene and Related Nanostructures
Molecular Magnets and Organic Spintronics
Molecular/Polymer Transistors and Single Molecule Electronics
Organic ELs, Polymer LEDs and Displays
Energy Storage and Organic Photovoltaic Devices
Next-Generation Organic Materials and Device Applications
Supramolecules and Topological Materials
Self-Assemblies, Ordered and Super-Hierarchical Structures
Electrochemical Applications, Actuators and Sensors
Bio-Related Nanomaterials,Technologies and Applications


กำหนดส่งบทคัดย่อ ภายในวันที่ 29 มกราคม 2553 ครับ ผมกะว่าจะต้องไปงานนี้ให้ได้ครับ .......

13 กันยายน 2552

Wearable Robot - หุ่นยนต์สวมใส่ได้สำหรับผู้สูงวัย


สังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมผู้สูงวัย นับวันก็จะมีแต่ผู้สูงวัยเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด จริงๆ แล้วเมืองไทยก็มีมากไม่แพ้กันหรอกครับ จากข้อมูลที่รายงานโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประมาณว่าในปี ค.ศ. 2007 มีประชากรผู้สูงวัยในประเทศไทย (อายุมากกว่า 60 ปี) อยู่ 7 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 65.7 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 11) และจะเพิ่มจำนวนขึ้นไปเป็น 14.5 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 72 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 20) ในปี ค.ศ. 2025

เมื่อเป็นอย่างนี้ ประเทศญี่ปุ่นเลยให้ความสนใจในเรื่องของผู้สูงวัยเป็นพิเศษ มีการทำวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับช่วยเหลือผู้สูงวัยออกมามากมาย ก่อนหน้านี้ผมก็เคยนำเรื่อง หุ่นยนต์สวมใส่สำหรับชาวนา ที่พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ Shigeki Toyama แห่ง Tokyo University of Agriculture and Technology มหาวิทยาลัยแห่งนี้ผมก็เคยไปเยี่ยมชมมาแล้วครับ

ล่าสุดมีข่าวคราวความคืบหน้าในเรื่องชุดหุ่นยนต์สวมใส่ได้ สำหรับผู้สูงวัย โดยบริษัท Cyberdyne ได้ออกมาเปิดเผยว่ากำลังทดลองชุดหุ่นยนต์ HAL (Hybrid Assistive Limb) ในท้องถนนของกรุงโตเกียว เพื่อศึกษาการใช้งานในชีวิตจริงของชุดหุ่นนี้ เพื่อเตรียมสำหรับการทำตลาดในอนาคตอันใกล้ เมื่อผู้สูงวัยสวมใส่ชุด HAL พลังแห่งหนุ่มสาวจะกลับคืนมา มันจะช่วยขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย เมื่อใดก็ตามที่เราคิดอยากจะทำ เช่น ลุกจากเก้าอี้ เดิน ปีนป่าย ขึ้นลงบันได ยกของ และอื่นๆอีกมากมาย ชุดนี้สามารถที่จะทำงานได้ 5 ชั่วโมงก่อนที่จะต้องชาร์จแบตเตอรีรอบใหม่

เจ้าชุดหุ่นยนต์ HAL นี้มีเซ็นเซอร์ซึ่งจะวัดสัญญาณคำสั่งให้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อจากสมอง โดยเซ็นเซอร์นี้อยู่บนผิวหนัง เมื่อเราสั่งแขนขาให้ขยับเคลื่อนไหว เซ็นเซอร์จะตรวจจับได้ ซึ่งมันจะออกคำสั่งให้กลไกของชุดนี้เคลื่อนไปในจังหวะเดียวกัน และไปทางเดียวกันกับที่กล้ามเนื้อเคลื่อนไป มันจึงช่วยทุ่นแรงผู้สวมใส่ การยกของหนักจะกลายเป็นเบา เพราะมันช่วยออกแรงให้ไงครับ ชุด HAL มีอยู่ 3 ขนาดให้เลือกครับ คือ Small, Medium และ Large ซึ่งมีน้ำหนักของชุดประมาณ 23 กิโลกรัม บริษัท Cyberdyne ให้ผู้สูงวัยเช่าใช้ชุด HAL ได้ในราคาเดือนละ 150,000 เยน (หรือประมาณเดือนละ 40,000 บาท) สำหรับชุด HAL ขาเดียว และเดือนละ 220,000 บาท สำหรับชุดที่มี 2 ขา

ประเทศไทยน่าจะมีการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผู้สูงวัยบ้างนะครับ อย่างน้อยคนทำเองก็จะได้ใช้เองด้วยหลังเกษียณอายุ .......

01 เมษายน 2552

Rice Planting Robot - หุ่นยนต์ปลูกข้าว


เมื่อปลายปี 2008 ผมได้ไปประชุมวิชาการ World Conference on Agricultural Informatics and IT 2008 ซึ่งใน session นิทรรศการนั้น ผมได้ไปสะดุดตาเข้ากับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นหนึ่งเข้า นั่นคือเจ้าหุ่นยนต์ดำนาปลูกข้าว (Rice Planting Robot) จริงๆแล้ว เครื่องปลูกข้าวไม่ใช่อะไรที่ใหม่หรอกครับ เพราะมีคนทำได้แล้ว แต่นวัตกรรมชิ้นนี้มีข้อต่างจากเครื่องพวกนั้นอย่างสำคัญตรงที่ มันทำงานได้เองโดยที่ไม่ต้องมีคนคอยควบคุม


การดำนาเพื่อปลูกข้าวนั้น เป็นงานหนักที่ต้องใช้ความอดทนสูง รวมไปถึงประสบการณ์ด้วยครับ ชาวนาจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในแต่ละแปลง เพื่อจัดวางตำแหน่งของต้นกล้า ให้อยู่เป็นแถวเป็นแนว งานที่ท้าทายนี้สามารถถ่ายทอดไปให้หุ่นยนต์จัดการได้แล้วครับ โดยทางศูนย์วิจัยเกษตรแห่งชาติญี่ปุ่น (National Agricultural Research Center) ได้พัฒนาหุ่นยนต์ปลูกข้าวขึ้นมาโดยไร้มนุษย์ควบคุม เจ้าหุ่นตัวนี้สามารถทำงานในนาข้าวโดยอาศัยการกำหนดตำแหน่งจาก GPS ผสมผสานกับการระบุทิศทางและความเร็วด้วยเซ็นเซอร์อย่างอื่นด้วย ทำให้มันสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ มันมีความสามารถในการดำนาได้ 1,000 ตารางเมตร ภายใน 20 นาที (หรือคิดเป็นพื้นที่ 250 ตารางวา) ดังนั้นหากให้มันทำงาน 10 ชั่วโมงต่อวัน มันสามารถดำนาได้ทั้งหมด 20 ไร่ ซึ่งแน่นอนว่าเร็วกว่ามนุษย์มาก การเข้ามาของหุ่นยนต์ปลูกข้าวนั้น นับว่าถูกที่ถูกเวลา เพราะสังคมเกษตรกรรมของญี่ปุ่นในปัจจุบันนั้น เหลือแต่ผู้สูงวัย คนหนุ่มสาวไม่ค่อยอยากทำงานด้านนี้แล้วครับ หุ่นยนต์พวกนี้นอกจากจะช่วยเกษตรกรผู้สูงวัยแล้ว มันยังดึงดูดให้คนหนุ่มสาวอยากเข้ามาทำงานเกษตรมากขึ้นด้วยครับ .........

14 มีนาคม 2552

Intelligent Toilet - ส้วมอัจฉริยะ


ทุกครั้งที่ผมเดินทางไปญี่ปุ่นกับเพื่อนๆ พวกเราจะมีความสุขมากกับเรื่อง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องกิน อาหารในญี่ปุ่นมีหลากหลายทั้งรูปแบบ และราคา ถ้าไปอยู่นานๆ พวกเราก็จะชอบไปนั่งเปลี่ยนร้านกันไปเรื่อยๆในแต่ละวัน บางทีก็ขึ้นรถไฟไปกินกันที่เมืองอื่นเปลี่ยนบรรยากาศ อีกเรื่องที่เรามีความสุขก็คือเรื่อง "ถ่าย" เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าด้านชักโครกและส้วมที่สุดในโลกแล้วครับ ........

เมื่อครั้งที่ท่าน Sir John Harington ได้ประดิษฐ์โถอึชักโครกขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1596 (สมัยเดียวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) กล่าวกันว่าผลงานประดิษฐ์ชิ้นนี้ได้ถูกนำไปทดลองใช้ครั้งแรกโดย สมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 1 พระองค์ทรงมีพระเกษมสำราญมากกับการทดลองใช้ ถึงกับนำบทความที่มีรายละเอียดการประดิษฐ์ของนวัตกรรมชิ้นใหม่นี้ ติดเอาไว้ที่ข้างฝาหน้าโถชักโครก เพื่อที่พระองค์จะได้ชื่นชมความสะดวกสบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ แต่อนิจจา .... หลังจากนั้นเป็นต้นมาหลายร้อยปี เทคโนโลยีของโถอึก็ไม่ได้มีความก้าวหน้าขึ้นอีกเลย มีแต่เพียงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างโถหรือวัสดุที่ใช้บ้าง แต่หลักการก็ยังคล้ายๆเดิม

แต่เดี๋ยวก่อนครับ ..... ขณะนี้บริษัท Toto แห่งญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชักโครกขายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้คิดค้นนวัตกรรมส้วมอัจฉริยะขึ้นมา เจ้าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีชื่อว่า Neorest 600 นี้ไม่มีโถน้ำวางอยู่ข้างหลังให้เกะกะรำคาญใจ เมื่อผู้ใช้เดินเข้าตรงเข้าไปเพื่อจะใช้งาน ฝาปิดโถอึจะเปิดออกเพื่อพร้อมทำงาน เจ้า Neorest 600 นี้ทำงานด้วย remote control มันมีฟังก์ชันทำโถนั่งให้อุ่นสำหรับอากาศในเมืองหนาว มันมีฟังก์ชันสำหรับคุณผู้หญิง มีฟังก์ชันสำหรับผู้ชายถ้าต้องการฉี่เฉยๆ ด้วยการยกฝานั่งขึ้น แล้วเอาลงมาวางไว้เหมือนเดิมเมื่อเราเดินจากไป เจ้า Neorest 600 ช่วยทำให้ไม่ต้องใช้กระดาษชำระเลยด้วยซ้ำ เพราะหลังจากฉีดน้ำล้างทำความสะอาดให้เมื่อเราเสร็จภารกิจแล้ว มันจะพ่นลมอุ่นเพื่อทำให้ก้นเราแห้ง โถอึนี้ถูกออกแบบทางสถาปัตยกรรมมาให้น้ำที่นำอึลงไปนั้น หมุนวนแบบไซโคลน ซึ่งจะทำให้ประหยัดน้ำมาก (ใช้น้ำ 6 ลิตรต่อการใช้) โถอึนี้มีระบบกำจัดกลิ่น และเมื่อเราลุกออกไป มันจะปิดฝาของมันเอง

ผมยังไม่เคยใช้เจ้า Neorest 600 หรอกครับ แค่ใช้น้องๆ ของเจ้าตัวนี้ที่โรงแรมและสนามบินก็แฮปปี้แล้ว ......

07 มกราคม 2552

Nanotech Japan 2009


วันนี้ผมมีงานลักษณะของการแสดงนิทรรศการ (Exhibition) และการแสดงสินค้า (Trade Fair) ผสมกับการประชุม (Conference) ทางด้านนาโนเทคโนโลยีมาฝากครับ เดิมทีผมตั้งใจจะไปงานนี้ เพื่อไป update ความรู้ใหม่ๆ ทางด้านนาโนเทคโนโลยี วัสดุใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่เพราะภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เริ่มส่อเค้าวิกฤต บวกกับผลพวงจาการปิดสนามบินนานาชาติของม็อบพันธมิตร ทำให้ตอนนี้คนไทยไม่ควรใช้เงินกับการไปต่างประเทศ แต่ต้องมาใช้กับการเดินทางในประเทศไทยจะเป็นการช่วยชาติมากกว่า งานนี้ทำให้ผมต้องยกเลิกการเดินทาง โดยหวังว่าสายไป 1 ปีคงไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยไปปี 2010 ก็ได้

งาน Nanotech Japan 2009 นี้เป็นงานยิ่งใหญ่ระดับโลกเลยครับ และเป็นโอกาสเดียวใน 1 ปีที่จะไปเห็นผลงานจากการวิจัยทางด้านนาโนเทคโนโลยี ที่ออกดอกออกผลมาเป็นสินค้า งานนี้เขาจัดที่ Tokyo Bigsight ระหว่างวันที่ 18-20 กุมภาพันธ์ 2552 โดยจะเป็นการรวมงานนิทรรศการด้านต่างๆ เข้ามาจัดร่วมกัน ได้แก่

- nano tech 2009 เป็นนิทรรศการการแสดงสินค้าทางด้านนาโนเทคโนโลยี ตั้งแต่วัสดุนาโน เช่น Fullerence, Carbon nanotube, Photonics materials, Composite materials, Excellent magnetic materials, Nano cluster, Nano glass, Nano particle colloid, Nano coating, Nano metal, Nano ceramics, Nano composite materials ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ด้านอิเล็กทรอนิกส์ Quantum dots, Quantum wires, Quantum devices, Molecular devices, Photonic devices, Next-generation LSIs, Data storage, Next-generation cells, Next-generation displays, Optical communications materials ด้านสิ่งแวดล้อม Photocatalyst, Hydrogen absorption storage tanks, Exhaust gas catalyst, Fuel cell materials (films, electrodes, systems), Secondary battery materials, Energy storage, Environment evaluation/monitoring/nondestructive inspection system, Environmental cleanup, technology with less adverse impact ด้านการประกอบอุปกรณ์ Thin film manufacturing technology, Etching, Laser ion beam processing, Electron beam processing, Priming charge processing, Exposure equipment for micro circuit manufacture, Ultra precision surface processing technology, Nano particle mixture, Dispersion, Fusion bonding technology, Next-generation lithography, Nano imprint, Femto second laser และอื่นๆ อีกมากมาย

- Nano Bio Expo 2009 เน้นการแสดงธุรกิจใหม่ด้านนาโนชีวภาพ ผลิตภัณฑ์ทางด้านนี้ก็มี micro-TAS, Micro Reactors, Lab-on-a-Chip, Biochips, Health Care Chips, PDMS Chips, Biosensor/Actuator, BioMEMS, Micro Bubbles, Liposome/ Polymeric Micelle DDS, Biodegradable Materials, Nano apatite, Cell Sheet, Fullerene, Nanoparticle, Nano-gel, Molecular Chaperone, Nanobarcodes, Quantum Dot รวมไปถึงพวก Regenerative Medicine

- ASTEC 2009 ย่อมาจาก Advanced Surface Technology Exhibition and Conference ก็จะมีทั้งการแสดงสินค้า และการประชุมย่อยไปพร้อมๆ กัน หัวข้อที่จะมีการแสดงก็ได้แก่ กระบวนการทางด้านพื้นผิว water shedding / hydrophilic surface processing, rheology, alumite, plating, blast processing, grinding / polish, CMP,YAG laser welding, embossment, etching, LB film, nano scale barrier film, nano porous membrane, nano lubricating film, DLC coating, ceramics / titanium / fluorine coating, dye / wire bonding, UV / EB photo hardening, friction pressure welding, friction stir joint, normal temperature joint, adhesive / bonding / separation

- METEC' 09 เป็นงานทางด้าน Surface Finishing ครับ จัดควบคู่ไปกับงาน ASTEC 2009 แต่จะโฟกัสที่เรื่องของการ Finishing และ Plating พื้นผิว

- neofunctional materials 2009 งานนี้โฟกัสไปที่วัสดุทำหน้าที่บนพื้นฐานของฟิล์มบาง แผ่นชีต ฟอยล์ ไฟเบอร์ และพวกใยผ้าหรือสิ่งทอ Functional paper / Functional fabric / Functional polymer / Functional woody new material / Functional dye / Functional organic material / Functional inorganic material, Functional hybrid material / Unused resource utilization material / Organic silicide material / Intelligent material / Deposition and sputtering target material / Functional dispersion auxiliaries / Heat-resistant material / Photoelectro exchange element / Conductive material / Barrier related material, Functional chemical products (paint / ink / coating material / additives / organic particles / inorganic particles / filler / nature world extract / surface active agent / dye / chemical fiber / nonwoven / inorgauic fiber resin / film / chiral compound )

- Printable Electronics 2009 เป็นน้องใหม่ของงานนี้ครับ เนื้อหาจะเป็นเรื่องของแนวโน้มใหม่ ทางด้านการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีการพิมพ์ Inkjet, Nano Imprint, Dispenser, Laser Aberration, Laser Transcription, Gravure Printing (includes gravure offset printing), Screen Printing (includes rotary screen printing), Flexo Printing, Transcription Printing, Roll to Roll Pattern Formation, Photolithography, Microscopic Pattern Photolithography Device, Coating Technique (wet coat process, dry coat process such as distillation/spattering, spot coating), Dry/Stiffen/Baking Device, (UV rays, electron beam, and far-infrared radiation), Heat Laminate Device, Device Related to Surface Treatment

เป็นไงครับ เห็นแล้วก็น่าไปดูจริงๆครับ .......

17 ตุลาคม 2551

Games Science - วิทยาศาสตร์ของเกมส์ (ตอนที่ 2)


สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ผมเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นครับ นอนแอ้งแม้งอยู่บ้าน 1 วัน พอมีแรงมาอัพเดตเรื่องราวที่ยังคั่งค้าง เกี่ยวกับ Games Science ที่ผมได้ไปดูมาที่ Department of Games Science ของ Tokyo Polytechnic University (TPU) ซึ่งภาควิชานี้สอนในระดับปริญญาตรี เพื่อผลิตนักออกแบบการ์ตูน อะนิเมชัน และเกมส์ต่างๆ ครับ เป็นหลักสูตร 5 ปี ที่นี่เขามีสตูดิโอเพื่อบันทึกท่าทางการเดิน กระโดดโลดเต้น การเต้น การเคลื่อนไหว ของกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ของคน เพื่อนำมาทำเป็นข้อมูลดิจิตัล เพื่อใส่เข้าไปในอะนิเมชันและเกมส์ได้ เขามีห้องสำหรับเล่มเกมส์วางแผน พวกบอร์ดเกมส์ทั้งหลาย โดยคอร์สของบอร์ดเกมส์นี้ เด็กๆก็จะต้องมาฝึกนั่งเล่นกันทุกวัน เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อผ่านวิชานี้ โดยเด็กๆจะได้ฝึกการวางแผน เรื่องของตรรกะต่างๆในเกมส์ และ กลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างวิธีการคิดแท็กติกต่างๆแก่เด็กนักศึกษา เพื่อสามารถไปออกแบบเกมส์แบบดิจิตัลได้ ผมได้เข้าไปดูห้องที่มีเครื่องเกมส์ตู้เหมือนในห้างสรรพสินค้า วางเรียงกันเต็มไปหมด ทีแรกนึกว่าเป็นห้องให้เด็กเล่นเกมส์คลายเครียด แต่อาจารย์ที่พาชมบอกว่า ห้องนี้เป็นห้องสำหรับให้นักศึกษาคุ้นเคยกับบรรยากาศที่เกมส์ตู้จะไปอยู่ และเพื่อให้นักศึกษาได้เล่นเกมส์ที่เป็นที่นิยม เพื่อหาจุดอ่อนและจุดแข็งของเกมส์แต่ละชนิด ต่อไปเขาพาผมไปเดินชมห้องวิดีโอเกมส์ ซึ่งมีจอทีวี LCD ขนาดใหญ่ เรียงรายเต็มไปหมด ในห้องนี้จะมีเกมส์ของ Playstation และ Nintendo นักศึกษาจะมาใช้ห้องนี้เพื่อศึกษาเกมส์ประเภทเล่นกับ TV โดยจะมาจับกลุ่มวิเคราะห์เกมส์ หรือทำการบ้านที่อาจารย์มอบหมายมา บางกลุ่มก็เล่นเกมส์ประเภท Multiplayer สู้กัน แล้วก็ถกเถียงวิเคราะห์กันอย่างเคร่งเครียด (แต่ใบหน้ายิ้มที่เห็นพวกเราเข้ามาดู) ผมจะมาเล่าต่ออีกนะครับ กลัวจะยาวไปสำหรับตอนนี้ เรื่องของการเกิด Convergence ของ Art กับ Science ยังมีต่ออีกครับ เพราะนี่คือกระบวนทัศน์ใหม่ของทศวรรษต่อไปจริงๆ ...............

12 ตุลาคม 2551

Intelligent Vending Machine - ตู้หยอดเหรียญอัจฉริยะ (ตอนที่ 3)


สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ยังอยู่ญี่ปุ่นครับ แต่คืนพรุ่งนี้จะไปพักโรงแรมในสนามบินนาริตะ เพื่อเตรียมบินกลับเมืองไทยแล้วครับ เนื้อหาที่จะนำมาเล่าก็เลยยังวนเวียนอยู่แถวๆ นี้ครับ ตลอดเวลา 10 กว่ากันที่ผมอยู่ในญี่ปุ่น เวลาเดินทางไปไหน หากเห็นตู้หยอดเหรียญก็จะเข้าไปดู มันเป็นความเพลิดเหลินอย่างหนึ่งครับ เพราะไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน มันก็ตามเราไปทุกที่ หลายๆตู้ที่แวะไปดูก็จะเก็บรูปเอากลับไปดูที่เมืองไทย มาว่ากันต่อในเรื่องของตู้หยอดเหรียญที่ ยิ่งนานวันจะฉลาดล้ำขึ้นไปเรื่อยๆ บริษัท M-one Cafe พยายามเอาใจคอกาแฟที่ชอบดื่มกาแฟสด และรู้สึกหงุดหงิดกับรสชาติของกาแฟที่ออกมาจากตู้หยอดเหรียญ จริงๆแล้ว กาแฟหยอดตู้ก็สามารถเซิร์ฟในถ้วยกระดาษร้อนๆ และมีตัวเลือกได้ค่อนข้างมาก ทั้ง เอสเพรสโซ คาปูชิโน ลาเต้ แต่ M-one เขาอยากให้ตู้หยอดเหรียญสำหรับกาแฟมีความฉลาดข้ามขั้นไปเลย คือให้ผู้ซื้อมีอิสรภาพในการกำหนดรสชาติที่ตัวเองต้องการ เหมือนกับการปรุงเอง ซึ่งอิสรภาพที่ได้มานี้มากกว่าการไปนั่งสั่งกาแฟสดด้วยการปรุงจากมนุษย์ในร้านกาแฟเสียด้วยซ้ำ เพราะผู้ซื้อสามารถควบคุมการปรุงได้จากการเฝ้าดูจอ LCD ที่ตู้โดยการใช้ Touch-screen สั่งเลือกสูตรกาแฟที่ตนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นของกลิ่นรส ความหวาน ความมันของนม ถ้าจะดื่มกาแฟเย็นก็เลือกขนาดของก้อนน้ำแข็งที่ต้องการได้ เครื่องจะตัดน้ำแข็งในขนาดตามนั้นให้สดๆ เลยครับ ตอนนี้ตู้หยอดเหรียญจำนวนมาก นอกจากจะรับเหรียญแล้ว ยังสามารถใช้บัตรโดยสารสมาร์ทการ์ดมาแตะที่ตู้แทนการใช้เหรียญ ตู้ก็จะหักเงินในบัตรเอง โดยเฉพาะตู้หยอดเหรียญที่สถานีรถไฟไฟ้าทั้งหลาย ซึ่งหลายๆตู้ สามารถหักเงินผ่านโทรศัพท์มือถือได้ แค่นำไปแตะเท่านั้น เดี๋ยวนี้บริษัทโฆษณาสินค้าทั้งหลายก็นิยมโปรโมตสินค้า โดยการส่ง e-mail ไปเข้ามือมือลูกค้า เช่นให้เครื่องดื่มโค้กฟรี 1 กระป๋อง เพียงนำบาร์โค้ดที่ส่งไปทาง e-mail เอาไปให้ตู้หยอดเหรียญสแกน โดยหันหน้าจอมือถือไปทางเครื่องสแกน โค้กก็จะหล่นลงมาให้ดื่ม

10 ตุลาคม 2551

Games Science - วิทยาศาสตร์ของเกมส์ (ตอนที่ 1)


สวัสดีครับ ยังอยู่แถวญี่ปุ่นอยู่ครับ เมื่อวานนี้ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม Department of Games Science ของ Tokyo Polytechnic University (TPU) ซึ่งรายละเอียดในการเข้าชมในครั้งนี้นั้น ผมขอนำมาเล่าในตอนหน้าครับ แต่สำหรับตอนแรกนี้ผมจะเล่าเกี่ยวกับศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง ที่ทำงานอยู่ในภาควิชาเกมส์ ของมหาวิทยาลัยนี้ครับ ท่านชื่อว่า ศาสตราจารย์ Toru Iwatani ซึ่งท่านเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่ TPU เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2007 นี้เอง (ก่อนหน้านี้ท่านทำงานในบริษัท Namco Bandai ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นในการผลิตและขายเกมส์ตู้หยอดเหรียญทั้งหลาย นั่นแหล่ะครับ) พร้อมๆกับการเปิดภาควิชาใหม่ Department of Games ของมหาวิทยาลัยนี้ จะว่าไปแล้วภาควิชานี้ก็เปิดขึ้นมาเพื่อต้อนรับท่านนั้นแหล่ะครับ ความสำคัญของท่านต่อโลกของเกมส์หรืออุตสาหกรรมเกมส์ (Game Industry) หากผมเอ๋ยขึ้นมา ท่านผู้อ่านก็จะร้องอ๋อเลยครับ เพราะศาสตราจารย์ Toru Iwatani เป็นผู้คิดค้นเกมส์ Pac-Man ที่โด่งดังนั่นเอง ท่านได้รับสมญานามว่าเป็น บิดาของวีดิโอเกมส์ ท่านเริ่มต้นทำงานที่บริษัท Namco ในปี ค.ศ. 1977 ในเวลาแค่ 3 ปีท่าน คือปี ค.ศ. 1980 ได้คิดค้นเกมส์สะท้านโลก Pac-Man ซึ่งระบาดไปทั่วโลกเลยในสมัยนั้น เกมส์ Pac-Man ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของ Popular Culture แห่งยุค 80 เชียวครับ เพราะมันก่อให้เกิดปรากฏการณ์ทางสังคมหลายๆด้าน ที่หล่อหลอมผู้คนรวมทั้งวัยรุ่นในยุคนั้น เรียกว่า 94% ของคนที่เล่นเกมส์ในสมัยนั้นต้องเคยเล่นเกมส์นี้ ซึ่งตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่เคยมีเกมส์อะไรที่ทำได้แบบนี้เลยนะครับ


ก่อนที่ศาสตราจารย์ Toru Iwatani จะย้ายจากบริษัท Namco มาอยู่ที่ Tokyo Polytechnic University (TPU) นั้น ท่านได้เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนี้ ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตลอดเวลา 30 ปีที่ท่านทำงานอยู่ในบริษัทนี้นั้น แม้ท่านจะยังรักในการพัฒนาเกมส์ แต่ก็ต้องตัดใจ มาทำงานที่ท่านคิดว่าสังคมต้องการให้ท่านทำ นั่นคือมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ ที่จะเป็นนักออกแบบเกมส์ใหม่ๆ ในอนาคต ท่านได้กล่าวว่า "ผมรู้สึกว่าเด็กหนุ่มสาวสมัยนี้ มีความลุ่มหลงต่อเกมส์กว่าแต่ก่อนมาก และผมก็ตระหนักว่าการศึกษาในเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ ดังนั้นเมื่อ TPU เสนอมาว่าจะตั้งภาควิชาเกมส์ขึ้น และต้องการให้ผมไปสอนที่นั่น ผมก็ตัดสินใจรับในทันทีครับ"


ตอนหน้าผมจะมาเล่าต่อนะครับ ..... วิทยาศาสตร์ของเกมส์ จริงแล้วก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของ การแต่งงานระหว่างวิทยาศาสตร์ กับ ศิลปศาสตร์ ซึ่งเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ในทศวรรษต่อไปครับ ..........
(ภาพบน: เกมส์ Pac-Man ได้เป็นสัญลักษณ์ของ Popular Culture ในยุค 80 และกลายเป็นงานศิลป์ที่จัดแสดงในปารีส)

06 ตุลาคม 2551

The Art of Science - The Science of Art - เมื่อวิทยาศาสตร์กลับมาคืนดีกับศิลปศาสตร์


ศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษแห่งการหลอมรวมตัวของวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ครับ หลังจากทั้งสองศาสตร์นี้ได้แยกร้างห่างเหินจากกันมานานหลายร้อยปี ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช พระองค์ทรงแผ่ขยายพระราชอำนาจ ด้วยมุ่งหวังจะเสาะหาช่างศิลป์และงานศิลปวิทยาการต่างๆ แม้แต่เจงกิสข่านที่เป็นที่รับรู้กันถึงความโหดร้าย เมื่อเข้าตีเมืองใดหากเมืองนั้นมิยอมศิโรราบแต่โดยดีแต่แรก หากข่านพระองค์นี้บุกเข้าเมืองได้ ก็จะสังหารประชากรในเมืองนั้นจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่ช่างศิลป์เท่านั้น ที่เจงกิสข่านจะโปรดงดโทษชีวิตให้ แถมยังจะนำกลับไปเลี้ยงดูอย่างดี ภายใต้จักรวรรดิ์มองโกลที่เรามักคิดว่ามีแต่ความป่าเถื่อนนั้น ว่ากันว่าในช่วงที่เจงกิสข่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ศิลปวิทยาการทั้งหลายของโลกถือว่าอยู่ในช่วงเจริญสูงสุดยุคหนึ่งทีเดียว

แต่แล้วหลังจากยุคกลางในยุโรปสิ้นสุดลง เริ่มจากความเสื่อมของคริสตจักรโรมันคาทอลิก หลังสมัยของกาลิเลโอ ในศตวรรษที่ 16 วิทยาศาสตร์ก็เปิดม่านหนียุคมืดออกมาด้วยการหันหลังให้กับศิลปศาสตร์อย่างสิ้นเชิง วิทยาศาสตร์ปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้าและความเชื่อทางศาสนาทั้งหมด เรื่องของจิตใจเป็นเรื่องของศิลปะ ไม่อยู่ในบริบทของวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องที่เป็นนามธรรมที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่เมื่อขึ้นต้นศตวรรษใหม่ ศาสตร์ที่เรียกว่า Mind Science หรือ Cognitive Science กำลังจะพาวิทยาศาสตร์กลับไปหาศิลปศาสตร์อีกครั้งแล้วครับ

ผมได้ไปเที่ยวชมงาน CEATEC 2008 ที่จิบะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์งานใหญ่ประจำปี พบว่าเกิดการแต่งงานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นที่นั่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ จอดิสเพลย์ gadget ต่างๆ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า หุ่นยนต์ ล้วนใช้แนวทางทางด้านศิลปะในการขายสินค้า ต่างจากแต่ก่อนที่การประชาสัมพันธ์สินค้าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีว่ามันทำอะไรได้บ้าง แต่งานนี้เขาบอกว่าสินค้าทำให้คุณ Feel อย่างไร สินค้านี้จับความเข้าใจ ความรู้สึก หรือ สัมผัส ของเราได้อย่างไร ที่ผมชอบมากก็คือ การ present ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีดาวเทียมที่ทำสามารถทำแผนที่ 3 มิติ ของพื้นผิวโลกด้วยเรดาห์ (รูปบนและรูปด้านขวา) เขาให้นักดนตรีสาวสวย 2 คนมาสีไวโอลินกับเชลโล ประกอบการบรรยาย ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนล่องลอยไปในอวกาศพร้อมๆ กับดาวเทียมดวงนั้น ...................