วิเคราะห์สถานภาพทางด้านนาโนศาสตร์ และ นาโนเทคโนโลยี ของประเทศไทย เปรียบเทียบกับ ประเทศคู่แข่ง เพื่อช่วยผลักดันให้ประเทศไทย เป็น Nano Valley of ASEAN
27 สิงหาคม 2557
Top 10 Emerging Technologies สำหรับปี ค.ศ. 2014
World Economic Forum ได้เลือก 10 เทคโนโลยีกำลังจะฮิต ติดกระแส หรือ Top 10 Emerging Technologies สำหรับปี ค.ศ. 2014 ผ่านมา 8 เดือนแล้วนะครับ ลองไปดูกันครับว่ามีอะไรกันบ้าง
- Quantified Self การประมวลผลเชิงปัจเจก ซึ่งข้อมูลต่างๆ ของบุคคลจะเก็บเข้ามาจากแหล่งต่างๆ เช่น อุปกรณ์มือถือ เซ็นเซอร์ สามารถใช้ทำนายวิถีชีวิต การเจ็บไข้ได้ป่วย และสิ่งที่เขาจะทำในอนาคตได้
- Body-adapted Wearable Electronics อิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ได้ จะมีการใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้ครับ
- Nanostructured Carbon Composites วัสดุนาโนคาร์บอนที่เบาแต่แข็งแรงกว่าเหล็ก จะแทรกซึมเข้าไปทุกหย่อมหญ้า รวมทั้งรถยนต์
- Mining Metals from Desalination Brine การทำเหมืองแบบใหม่ที่สกัดโลหะออกจากน้ำเค็ม
- Grid-scale Electricity Storage การเก็บพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรีขนาดใหญ่ เป็นเครือข่ายโยงใยขนาดใหญ่ จะเกิดขึ้น
- Nanowire Lithium-ion Batteries แบตเตอรีจากวัสดุนาโน จะเข้าสู่ตลาดในปีนี้
- Screenless Displays อุปกรณ์แสดงผลที่ไม่ต้องอาศัยจอภาพจะต้องมา เพราะเรามีที่บนหน้าจอที่เล็กลงไปเรื่อยๆ
- Human Microbiome Therapeutics ร่างกายมนุษย์ไม่ได้มีแต่ตัวเรา แต่มีเจ้าจุลินทรีย์มากมายที่อาศัยอยู่ การรักษาสมดุลให้พวกนี้อยู่ร่วมกับเราได้ จะเป็นกระแสใหม่ในปีนี้
- RNA-based Therapeutics การรักษาแบบใหม่ที่เข้าไปแก้ไขในระดับพันธุกรรมกันเลย
- Brain-computer Interfaces การควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยคลื่นสมอง มีมานานแล้ว แต่ตลาดของมันจะเติบโตอย่างมากในปีนี้
Credit - World Economic Forum
29 พฤศจิกายน 2552
Materials Intelligence - วัสดุปัญญา (ตอนที่ 5)

เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว เพื่อนๆ ของผมที่มหาวิทยาลัยมหิดล มีแผนการที่จะเปิดหลักสูตรวัสดุศาสตร์ (Materials Science) สำหรับระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ในตอนนั้นพวกเราคุยกันว่า หลักสูตรนี้จะมีจุดขายอย่างไร จะมีเอกลักษณ์อย่างไร และจะสู้มหาวิทยาลัยอื่นๆ ได้หรือไม่ เพราะหลักสูตรวัสดุศาสตร์นี้มีมานานแล้วในประเทศไทย มหาวิทยาลัยมหิดลทำช้ากว่าเขาตั้ง 20 ปีเลยเชียวครับ
ผมจึงเสนอว่า หลักสูตรที่พวกเราจะเปิดขึ้นนี้เราไม่ต้องไปแข่งกับมหาวิทยาลัยอื่นๆในประเทศหรอก แต่เราควรข้ามช็อตไปแข่งกับสิงคโปร์ไปเลย เพราะเป็นที่รู้กันว่าหลักสูตรของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) นั้นลอกแบบมาจาก MIT ซึ่งเป็นตักศิลาของโลกทางด้านนี้ หลักสูตรวัสดุศาสตร์แบบใหม่ที่มหิดลนี้ เราจะใช้ชื่อว่า Materials Science and Engineering เพราะเราจะไม่เล่นกับวัสดุโง่ (Dumb Materials) อีกแล้ว แม้แต่วัสดุฉลาด (Smart Materials) ก็ยังเจ๋งไม่พอ แต่พวกเราจะต้องไปวิจัยวัสดุที่เหนือขั้นไปอีก เพื่อนๆผมถามว่าแล้วมันคืออะไร ? พอผมพูดคำว่า "วัสดุปัญญา ....ไงล่ะน้อง" คนขำกลิ้งกันเกือบทั้งห้อง รวมทั้งตัวผมเองด้วย เพราะจริงๆ แล้ว ผมก็พูดสนุกๆ ไปอย่างนั้นเอง ยังไม่คิดว่าเราจะมี "ปัญญา" ทำวัสดุแบบนั้นหรอกครับ ......
แต่ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา จากการศึกษางานวิจัยของโลก ทางด้านชีววิทยาหลายๆ ด้านที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ชีวกลศาสตร์ วิศวกรรมเนื้อเยื่อ วิศวกรรมเซลล์ ประสาทวิศวกรรม ชีวพฤติกรรมศาสตร์ เป็นต้น ทำให้นานวันผมยิ่งมั่นใจในการมาถึงของ "วัสดุปัญญา" ที่ว่านี้ วันนี้เรายิ่งแน่ใจในเส้นทางของหลักสูตร Materials Science and Engineering ว่าจะต้องเดินไปตามเส้นทางเพื่อค้นหาวัสดุปัญญาที่ว่านี้
วัสดุปัญญาเป็นเรื่องของการบูรณาการศาสตร์หลายๆ ด้านทั้งฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยาของวัสดุ โดยเชื่อมโยงสมบัติเชิงรูปธรรม (Physical) ของมัน เข้ากับนามธรรม (ตรรกะ ความจำ เหตุผล เป็นต้น) ดังนั้นศาสตร์ทางด้านคณิตศาสตร์ และ คอมพิวเตอร์ จึงเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อให้วัสดุยุคหน้า ทำตัวเสมือนเป็นสิ่งมีชีวิต
ในตอนหน้าผมจะมาพูดถึงวัสดุปัญญารูปแบบหนึ่งครับ นั่นคือวัสดุวิวัฒน์ (Evolvable Materials) ครับ ......
31 กรกฎาคม 2552
Nanodiamond - เพชรนาโนช่วยรักษาบาดแผล

แต่ Nanodiamond ไม่ใช่ครับ ผู้หญิงไม่ชอบมัน เพราะผู้หญิงมองไม่เห็นมัน มันเป็นผลึกที่เล็กมากๆ เมื่อเร็วๆนี้ได้มีรายงานเกี่ยวกับมันในวารสาร Biomaterials (รายละเอียดเต็มคือ Shimkunas et al. Nanodiamond–insulin complexes as pH-dependent protein delivery vehicles. Biomaterials, 2009; DOI: 10.1016/j.biomaterials.2009.07.004) ซึ่งนักวิจัยค้นพบว่าเจ้าผลึกเพชรนาโนนี้มีความสามารถในการช่วยสมานบาดแผลได้ครับ โดยเราจะใช้มันในการนำส่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ไปปล่อยยังบริเวณที่มีบาดแผล ผลึกเพชรนาโนนี้มีความสามารถในการจับยึดอินซูลินมาก มันจะไม่ยอมปล่อยอินซูลินเลย ยกเว้นเมื่อมีระดับความเป็นด่าง ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของนักวิจัยพอดี เพราะเลือดบริเวณที่มีบาดแผลติดเชื้อทั้งหลาย ก็จะมีระดับความเป็นด่าง ซึ่งจะทำให้ผลึกเพชรนาโนนี้ปล่อยอินซูลินออกมา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดีน โฮ (Dean Ho) แห่งภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ และ วิศวกรรมเครื่องกล แห่ง Northwestern University กล่าวว่า "การวิจัยเรื่องนี้ เป็นการสาธิตแนวคิดเกี่ยวกับการนำส่งโปรตีนรักษาโรค ไปยังพื้นที่เป้าหมายในร่างกาย จริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายหรอกครับ เพราะโปรตีนอย่างอินซูลินจับได้ดีกับ nanodiamond มาก แต่โชคดีที่บริเวณ ที่เราต้องการส่งมันไปทำงาน เป็นบริเวณที่มีความเป็นเบสสูงพอที่จะทำให้มันปล่อยอินซูลินออกมา"
อินซูลินสามารถจับตัวบนผลึกเพชรนาโนได้หนาแน่นมากๆ มันจึงเป็นระบบนำส่งยาที่ดีได้ นักวิจัยพบว่าโปรตีนอินซูลินที่จับตัวอยู่บนเพชรนาโน จะไม่ทำงาน จนกว่ามันจะถูกปลดปล่อยออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เราสามารถคุมการออกฤทธิ์ของยา เฉพาะในบริเวณที่สนใจเท่านั้น การปลดปล่อยอินซูลินของเพชรนาโนนั้นก็ค่อยๆ เป็น ค่อยๆไป ซึ่งมันจะค่อยๆ คายอินซูลินออกมาโดยใช้เวลาหลายวัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการสมานแผล อินซูลินที่ถูกปล่อยออกไป จะทำหน้าที่ในการกระตุ้นเซลล์บริเวณบาดแผลให้แบ่งตัว และต่อสู้กับการติดเชื้อ ผลึกเพชรนาโนนี้มีขนาดเพียง 4-6 นาโนเมตร และไม่เป็นพิษต่อเซลล์ มันสามารถแขวนลอยในน้ำได้ กระบวนการผลิตในจำนวนมากๆ เพื่อการพาณิชย์ก็สามารถทำได้ง่าย มันจึงเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวางในฐานะระบบนำส่งยาแห่งอนาคต
ผลึกเพชรนาโนมีสรรพคุณรักษาแผลกายให้หายได้ แต่ยังไงก็ตาม หากท่านผู้อ่านกำลังคิดจะแต่งงาน ผมก็ยังแนะนำให้มอบแหวนเพชรที่ไม่ใช่นาโน (มองเห็นได้) ให้ว่าที่เจ้าสาวสักวง เพราะเจ้าแหวนเพชรที่ไม่ใช่นาโนนี้ มันมีสรรพคุณในการรักษาแผลใจได้ดีทีเดียว .......
08 กรกฎาคม 2552
Materials Intelligence - วัสดุปัญญา (ตอนที่ 4)

บทความวิจัยเรื่องนี้ได้แสดงถึงความก้าวหน้าในเรื่องของเซลล์ประสาทเทียม โดยคณะวิจัยได้พัฒนาเส้นใยที่ทำจากพอลิเมอร์นำไฟฟ้า ซึ่งจะสามารถควบคุมการปล่อยสารสื่อประสาท (Neurotransmitters) ตามคำสั่งได้ ซึ่งพอลิเมอร์นำไฟฟ้าแต่ละชนิดจะเก็บสารสื่อประสาทต่างชนิดกัน เมื่อเรากระตุ้นให้มันปล่อยสารประสาทที่แตกต่างกัน เราก็จะควบคุมเซลล์ประสาทที่แตกต่างกันได้ ซึ่งดีกว่าวิธีการเดิมที่ใช้ขั้วอิเล็กโทรดในการกระตุ้นปลายประสาท เพราะวิธีการนี้ไม่สามารถที่จะจำเพาะเจาะจงกับเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ใดเซลล์หนึ่งได้ เมื่อเราปล่อยศักย์ไฟฟ้าที่อิเล็กโทรด เซลล์ที่ไม่เกี่ยวข้องก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย ต่างจากการใช้สารสื่อประสาท ที่สามารถจำเพาะต่อเซลล์ที่ต้องการกระตุ้นได้
ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า ในกรณีนี้วัสดุที่ทำหน้าที่ปลายประสาท เป็นวัสดุฉลาด (Smart Materials) ซึ่งมีความก้าวหน้ามากกว่าวัสดุโง่ (Dumb Materials) เพราะมันทำหน้าที่ตามสั่งหรือโปรแกรมได้ (Functional Materials) กล่าวคือนักวิจัยสามารถโปรแกรมให้มันปล่อยสารสื่อประสาทตามสภาวะที่กำหนดได้ วัสดุประเภทนี้แม้ยังไม่ถือว่าเป็นวัสดุปัญญา แต่ก็เกือบๆ แล้วครับ เพราะอีกไม่นาน นักวิจัยจะประกอบวัสดุปลายประสาทนี้เข้ากับเซลล์ประดิษฐ์ นั่นคือ วัสดุหลายๆ ชนิดจะมาประกอบรวมกันทำหน้าที่เป็นระบบ (System) ที่มีความซับซ้อน และที่สำคัญ ต้องมีส่วนของการคิดหรือประมวลผลได้ด้วย (Computing) จึงจะเรียกว่ามันเป็นวัสดุปัญญานะครับ
18 มิถุนายน 2552
Electromicrobiology - จุลชีววิทยาอิเล็กทรอนิกส์

ก่อนหน้านี้ ถ้าจำไม่ผิด ผมเคยพูดถึงเรื่อง Quorum Sensing มาบ้าง ศาสตร์นี้เป็นเรื่องของการสื่อสารระหว่างสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เพื่อที่จะทำงานส่วนรวมร่วมกัน โดยเฉพาะแบคทีเรีย มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่พูดไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยช่องทางการสื่อสาร โดยอาศัยสารเคมี ซึ่งแบคทีเรียจะคุยกัน ประสานงานกัน โดยใช้ภาษาที่สร้างขึ้นมาจากความเข้มข้นของสารเคมีนี้ ศาสตร์นี้ก็กำลังเป็นที่สนใจและบูมในสาขาจุลชีววิทยาเหมือนกันครับ เพราะเรายังรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก ความรู้ที่ได้จากศาสตร์นี้จะช่วยทำให้เราสามารถสร้างหุ่นยนต์ที่คุยกันผ่านภาษาทางเคมีได้ครับ วันหลังผมจะทยอยนำมาเล่าก็แล้วกันครับ
09 มิถุนายน 2552
Materials Intelligence - วัสดุปัญญา (ตอนที่ 1)

DARPA หน่วยงานให้ทุนวิจัยเกี่ยวกับกลาโหมได้สนับสนุนให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน Shape-Shifting Materials อยู่ครับ วัสดุพวกนี้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้เป็นลักษณะต่างๆได้ ด้วยการทำงานจากระดับโมเลกุล DARPA ยังได้สนับสนุนให้มีการพัฒนา Chembot ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่จะเปลี่ยนรูปร่างได้ตามลักษณะภูมิประเทศ หรือ พื้นที่ปฏิบัติภารกิจ
เมื่อไหร่ก็ตามที่ Programmable Matter หรือ Materials Software พัฒนาขึ้นมาได้จริง เห็นที่สถานะของสสารที่เราเคยเรียนก็คือ ของแข็ง (Solid) ของเหลว (Liquid) ก๊าซ (Gas) และ พลาสมา (Plasma) จะต้องมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มอีก ได้แก่ Infosolid และ Infoliquid ซึ่งสองสิ่งหลังนี้วัสดุจะเหมือนมี "วิญญาณ" อยู่ในเนื้อของมันด้วย
03 เมษายน 2552
MIT คิดค้นแบตเตอรีไวรัส

ในศตวรรษที่ 21 นี้ หากศาสตร์ใดไม่นำเอาเนื้อหาของชีววิทยาไปใส่ จะถือว่าเชยมาก ดังนั้นเราจะเห็นว่าข่าวคราวความก้าวหน้าใหม่ๆ ทางเทคโนโลยีหรือวิศวกรรมที่น่าตื่นเต้น จะมีส่วนของชีววิทยาปะปนมาด้วยอยู่เสมอ ล่าสุดมีรายงานในวารสาร Science ฉบับวันที่ 2 เมษายน 2009 ว่าทีมนักวิจัยแห่ง MIT ได้พัฒนาแบตเตอรีแบบลิเธียมไอออนที่มีการนำเอาไวรัสเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของขั้วไฟฟ้าในแบตเตอรี โดยคณะวิจัยได้พัฒนาแบตเตอรีขึ้นเองทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงขั้วไฟฟ้าทั้ง Anode และ Cathode ที่มีโครงสร้างนาโน และอิเล็กโตรไลต์ที่ทำจากฟิล์มบางของพอลิเมอร์หลายๆชั้น ขั้ว Anode นั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วยการเคลือบผิวด้วยไวรัสที่ตกแต่งรหัสพันธุกรรมให้มีชั้นโปรตีนเคลือบอยู่นอกตัวมัน ซึ่งโปรตีนชนิดนี้จะก่อให้เกิดเส้นลวดนาโน (nanowire) ของโคบอลออดไซด์ ในขณะที่ในฝั่งของ Cathode นั้นไวรัสจะถูกเคลือบบนท่อนาโนคาร์บอน ซึ่งโปรตีนที่หุ้มไวรัสอยู่จะสร้าง nanowire ของเหล็กฟอสเฟตขึ้นมา
ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์ ท่านอธิการบดีของ MIT ได้นำต้นแบบแบตเตอรีจากไวรัสตัวนี้ไปแสดงสาธิตให้ ท่านประธานาธิบดี Barack Obama ได้ชมที่ทำเนียบขาวมาแล้วด้วยนะครับ แว่วๆมาว่า ทางท่านประธานาธิบดีมีแผนจะอัดฉีดงบวิจัยทางด้านพลังงานสะอาดให้แก่มหาวิทยาลัยนี้ และที่อื่นๆเพิ่มขึ้นอีกด้วยนะครับ .......
01 กุมภาพันธ์ 2552
Nano Road - ถนนนาโน (ตอนที่ 4)

วันนี้กลับมาคุยเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับถนนหนทางกันต่อ จากคราวที่แล้วที่ผมเคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า ทางหลวงโดยทั่วไปจะราดผิวถนนได้ 2 แบบคือ คอนกรีต กับ ยางมะตอย สำหรับทางหลวงในสหรัฐอเมริกาที่ยาวเกือบ 3.6 ล้านกิโลเมตรนั้น กว่า 90% ราดผิวจราจรด้วยแอสฟัลต์หรือยางมะตอย ซึ่งเป็นวัสดุไฮโดรคาร์บอน น้ำหนักโมเลกุลสูงที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยมีการใช้งานถึง 30 ล้านตันต่อปีทั้งเพื่อสร้างทางใหม่และซ่อมบำรุงทาง ว่ากันว่าทุกวินาทีจะมียางมะตอย 1 ตันถูกราดบนผิวทางในสหรัฐฯ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับปรุงยางมะตอยจึงเป็นเรื่องที่คุ้มค่าเหนื่อย ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกันครับ ยางมะตอยครอบครองส่วนแบ่งของผิวถนนไปอย่างน้อย 90% ทั่วประเทศครับ ยางมะตอยที่ใช้ราดผิวถนนนั้นประกอบด้วยหินและทรายจำนวนกว่า 95% ที่เหลือนั้นคือแอสฟัลต์ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า โดยมีการใส่สารเติมแต่งเช่นพอลิเมอร์ และสารเคมีอื่นๆเข้าไปด้วย ยางมะตอยที่นำมาใช้ไม่มีระบบควบคุมคุณภาพ และไม่มีมาตรฐานของผู้ผลิตต้นทาง ดังนั้นคุณภาพของมันจึงผันแปรได้มาก ทำให้ถนนที่ใช้ยางมะตอยนั้น ยากที่จะคาดคะเนได้ว่าจะมีความทนทานเพียงใด ไม่เหมือนถนนที่ปูผิวด้วยคอนกรีต แต่เพราะความที่มันซ่อมแซมได้ง่าย ค่าก่อสร้างก็ถูกกว่า รวมทั้งกำเนิดเสียงที่เงียบกว่า ทำให้ถนนที่ปูผิวด้วยยางมะตอยยังครองเบอร์ 1 ได้อีกนาน นาโนเทคโนโลยีสามารถที่จะนำไปใช้เพื่อเพิ่มคุณสมบัติแอสฟัลต์ก็เช่น การเติมวัสดุอื่นๆลงไปเพื่อให้เกิดวัสดุผสม ได้แก่ อนุภาคนาโนของยาง หรือที่เรียกว่า Asphalt Rubber ซึ่งจะทำให้เกิดผิวจราจรที่ขับขี่ได้เงียบขึ้นมาก (หากใครเคยไปทัวร์เกาหลี ก็คงเคยเดินทางบนรถโค้ชที่นุ่มและเงียบมาก) อนุภาคนาโนซิลิกา และ เถ้าลอยก็สามารถเติมแต่งลงไปเช่นเดียวกับคอนกรีต เพราะแอสฟัลต์ก็ทำหน้าที่เป็นกาวเชื่อมวัสดุต่างๆ เข้าด้วยกันเหมือนซีเมนต์นั่นเอง นอกจากนั้นยังสามารถเติมนาโนไฟเบอร์เข้าไปเพื่อให้ยางมะตอยมีคุณสมบัติยึดเกาะกันได้ดีขึ้น ไม่หลุดง่าย
10 กรกฎาคม 2551
ถุงเท้านาโนกลิ่นมะนาว

ปัญหาอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับเสื้อนาโน และการใช้อนุภาค Silver Nano ก็คือ มันจะใช้ไม่ได้ผลหากเป็นเสื้อกีฬา รองเท้า ถุงเท้าที่ผู้สวมใส่มีเหงื่อมากๆ ซึ่งประสิทธิภาพของ Silver Nano จะลดฮวบลงไป ทำให้มีกลิ่นส่วนเหลือปลดปล่อยออกมามาก จนทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ใช้ไม่ได้จริงอย่างที่คุยไว้ ซึ่งก็จะเป็นผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเทคโนโลยีนี้ จึงทำให้นักวิจัยในประเทศโปรตุเกสได้พัฒนาแค็ปซูลจิ๋วเพื่อเก็บกักกลิ่นมะนาวที่หอมชื่นใจ และพร้อมปลอดปล่อยเวลาที่มีเหงื่อมากๆ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะมาทำงานเสริมกับ Silver Nano ได้ ผลงานนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Industrial & Engineering Chemistry Research ในหัวข้อ “Microencapsulation of Limonene for Textile Application” (Vol. 47, No. 12, Pages 4142–4147, June 18, 2008) ซึ่งนักวิจัยหวังว่าจะนำไปใช้งานในผลิตภัณฑ์หลากชนิดไม่เฉพาะเสื้อนาโน หรือ ผ้านาโน เท่านั้น
05 พฤษภาคม 2551
AsiaNANO 2008

วันนี้ผมขอแนะนำงานประชุมทางด้านนาโนแห่งปี 2008 ในระดับทวีปเอเชีย นั่นคือ AsiaNANO2008 - The 2008 Asian Conference on Nanoscience and Nanotechnology ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ 3-7 พฤศจิกายน 2551 นี้ที่ Biopolis ประเทศสิงคโปร์ครับ งานนี้เหมือนสิงคโปร์เขาจะประกาศว่า ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่ เขาไม่ยอมไทยนะ เพราะเขาเล่นจัดชนกับ NanoThailand 2008 International Conference ซึ่งจะจัดระหว่าง 6-8 พฤศจิกายน 2551 เลยทีเดียว เนื้อหาของการประชุมประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้ครับ
- Carbon nanotubes and related nanomaterials
- Graphene: Materials and devices Nanomagnetics, spintronics and multiferroics
- Nanobioscience and nanobiotechnology
- Functional Nanoassembly: nanoparticles, quantum dots, nanoarchitectures and self-assembled architectures
- Multi-paradigm simulation at the nano-scale: methodology and applications
- Nanofabrication: nanoimprinting, nanolithography and related techniques
- Materials Issues in Hydrogen Storage: From Bulk to Nano and Asian Consortium for Computational Materials Science (ACCMS) Working Group Meeting on Hydrogen Storage Materials
จะเห็นว่าเนื้อหาของการประชุมค่อนข้าง Focus ในเรื่องของ materials และ nanostructure มากกว่างาน NanoThailand2008 ที่ค่อนข้างกว้างกว่า งานนี้เสียเปรียบสิงคโปร์ล่ะครับ เพราะเจาะลึกเทคนิคมากกว่า ต้องทำใจครับ บ้านเราคนทำนาโนแบบเจาะลงไปลึกๆมีน้อย ทำให้งานประชุมวิชาการต้องทำกว้างๆ เอาไว้แบบนี้ล่ะครับ ................
17 เมษายน 2551
นาโนโอท็อป (Nano OTOP) - ตอนที่ 6

ในช่วง 2-3 ปีมานี้ได้เกิดความตื่นตัวอย่างมากในกลุ่มประเทศยุโรป โดยเฉพาะยุโรปเหนือ ประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ในเรื่องนาโนทคโนโลยีที่เกี่ยวกับไม้ เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีทรัพยากรทางด้านป่าไม้เยอะมาก ในปี พ.ศ. 2547 ทางกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ได้ร่วมกับสมาคมไม้และกระดาษอเมริกัน พร้อมกับกระทรวงพลังงาน จัดทำแผนที่นำทางของนาโนเทคโนโลยีสำหรับป่าไม้ขึ้นมา โดยได้ตีพิมพ์รายงานดังกล่าวออกมาในปีที่แล้ว พร้อมๆ กับประเทศแคนาดา และสหภาพยุโรป นับเป็นความบังเอิญอย่างมาก เมื่อย้อนกลับมาดูในประเทศไทยเองแล้วจะพบว่ามีนักวิจัยที่ทำงานเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยีทางด้านไม้น้อยมาก ทั้งๆ ที่ประเทศของเรามีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับไม้และกระดาษพอสมควร
ในแผนที่นำทางนาโนเทคโนโลยีเกี่ยวกับไม้ของ 3 มหาอำนาจข้างต้นนั้นได้มองไปที่การใช้นาโนเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพของไม้ ได้แก่
11 เมษายน 2551
Nano-forestry - ตอนที่ 3

28 กุมภาพันธ์ 2551
นาโนโอท็อป (Nano OTOP) - ตอนที่ 2


06 กุมภาพันธ์ 2551
นาโน โนเบล (ตอนที่ 8)

สมอลลีย์ต้องพบกับความเจ็บปวดกับมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเสียชีวิตในปี ค.ศ. 2005 ด้วยวัยเพียง 62 ปี โดยก่อนจากโลกนี้ไปท่านได้ก่อตั้งบริษัทผลิตท่อนาโนคาร์บอนระดับอุตสาหกรรม รณรงค์ในเรื่องการสร้างนักนาโนเทคโนโลยีตั้งแต่วัยเด็กเพื่อให้สหรัฐอเมริกาแข่งขันได้ ท่านยังเป็นผู้สนับสนุนพลังงานสะอาดโดยใช้นาโนเทคโนโลยี ผมมีโอกาสไปเยือนห้องแล็บของท่าน ที่ Rice University เมื่อปี ค.ศ. 2003 ซึ่งก็ได้มีโอกาสพบท่าน พร้อมทั้งได้เข้าไปเดินเล่นในห้องทำงานอันโอ่อ่าของท่านอยู่ครู่หนึ่ง) มหาวิทยาลัยแห่งนี้ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่มีสนามหญ้าที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
24 มกราคม 2551
ยางรถยนต์นาโน - Nano Tyre

ปัจจุบันยางรถยนต์ทำมาจากยางธรรมชาติผสมกับยางสังเคราะห์ โดยมีการผสมอนุภาคคาร์บอน (Carbon Black) เข้าไปเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ซึ่งในขณะนี้ได้มีการค้นหาอนุภาคนาโนที่อาจนำมาแทนอนุภาคคาร์บอน เช่น อนุภาคนาโนของซิลิกาคาร์ไบด์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยางรถยนต์ยืดอายุการใช้งานได้ถึง 2 เท่า การวิจัยยังพบว่าท่อนาโนคาร์บอนเมื่อผสมเข้าไปในยางสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้เช่นกัน จนมีผู้ทดลองนำไปผสมในถุงยางอนามัยเพื่อทำถุงยางนาโนอีกด้วย บริษัทมิเชลิน (Michelin) กำลังวิจัยการนำอนุภาคดินนาโน (Nanoclay) เพื่อผสมกับพอลิเมอร์สำหรับปิดยางชั้นในเพื่อกันลมรั่วออก (ซึ่งมีการนำมาใช้กับลูกเทนนิสแล้ว) ซึ่งจะทำให้ประหยัดความหนาของชั้นยางอีกด้วย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเครื่องกลไฟฟ้าจุลภาค (Microelectromechanical system หรือ MEMS) ยังจะช่วยให้ยางรถยนต์ในอนาคตมีความฉลาดเหนือขึ้นไปอีก กล่าวคือ จะมีการใส่เซ็นเซอร์จิ๋วเข้าไปในยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อ โดยเซ็นเซอร์เหล่านั้นจะส่งสัญญาณมายังตัวรับแบบไร้สาย ทำให้ผู้ขับขี่สามารถทราบความดันของลมยาง และอุณหภูมิลมยางได้ ระบบซอฟท์แวร์สามารถพัฒนาให้เตือนผู้ขับขี่ในกรณีที่ยางรถยนต์อยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย
(ภาพด้านบน - เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว มียางรถยนต์หมดสภาพปีละกว่า 17 ล้านเส้น นาโนเทคโนโลยีจะช่วยลดจำนวนขยะเหล่านี้)
06 มกราคม 2551
นาโน โนเบล (ตอนที่ 7)



02 มกราคม 2551
2008 - ปีทองของอุตสาหกรรมนาโนวัสดุไทย ถึงคราว Take Off

ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงในการให้ทุนจะค่อนข้างรุนแรง แต่ก็เกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้นักวิจัยไทยได้มีการปรับตัวมาสักระยะหนึ่งแล้ว เราจะเห็นได้ว่า งานวิจัยพื้นฐานในระยะหลังๆ นอกจากจะมีการผลิตผลงานตีพิมพ์ระดับสากล ยังมีแถมสิทธิบัตรหรือต้นแบบผลิตภัณฑ์ หรือ องค์ความรู้กึ่งสำเร็จรูปที่สามารถนำไปใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามแหล่งทุนวิจัยในระยะ 2 ปีหลังนี้กลับเพิ่มดีกรีของตัวชี้วัดผลผลิตขึ้นไปอีก กล่าวคือ เริ่มผลักดันให้งานวิจัยโยงเข้าหาผู้ใช้ที่เป็นอุตสาหกรรม โดยนำโจทย์ของอุตสาหกรรมมาคิดตั้งแต่ช่วงวิจัยเลย ไม่ใช่วิจัยเสร็จแล้วค่อยนำผลผลิตไปหาผู้ใช้เหมือนแต่ก่อน ทำให้นักวิจัยต้องหาคู่ที่เป็นอุตสาหกรรมในการทำงานวิจัย
เมื่อประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ นาโนเทคโนโลยี ในปี ค.ศ. 2008 นี้ จะพบว่าทางภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังรีบเร่งปรับศักยภาพเพื่อให้ สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ เพราะขณะนี้วัสดุของต่างประเทศที่นำมาใช้ในการภาคการผลิตของไทย เริ่มมีลักษณะเป็นวัสดุผสมที่ใช้นาโนวัสดุมากขึ้น มูลค่าของวัสดุเหล่านั้นล้วนสูงขึ้น ผู้ประกอบการไทยจึงมีความคิดที่จะหานาโนวัสดุที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันหรือดีกว่า ที่สามารถผลิตได้เองในประเทศโดยนักวิจัยไทย เพื่อมาแทนที่ของต่างประเทศ ช่วงหลังๆ นี้พบว่าบริษัทไทยที่มีขนาดอยู่ในระดับ SME ซึ่งส่วนใหญ่รันโดยผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีหัวก้าวหน้า มีความตระหนักในเรื่องของนวัตกรรมสูงมาก อุตสาหกรรมนาโนวัสดุของไทยจึงเป็นอุตสาหกรรมที่เห็นคุณค่าของการวิจัยและพัฒนา ดังนั้นโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมนาโนวัสดุของไทยให้เป็นที่หนึ่งในย่านนี้จึงมีค่อนข้างสูง เพราะจำนวนนักวิจัยทางด้านนาโนเทคโนโลยีของไทย ทำงานในสาขานาโนวัสดุอยู่ถึง 70% เลยทีเดียว ปี 2008 นี้จึงน่าจะเป็นปีทองของไทย ที่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนาโนเทคโนโลยีจะถึงเวลา Take Off เสียที
03 ธันวาคม 2550
นาโน ขอนแก่น 2008

(ภาพด้านขวา - ดอกคูนสวยๆ ช่วยเชื้อเชิญให้ไปเยือนเมืองขอนแก่น)
23 ตุลาคม 2550
ถนนที่ซ่อมตัวเองได้ - Self Healing Road

การไปรถตู้ก็ดีเหมือนกัน ทำให้เราได้ใช้ทางหลวงเป็นระยะทางไปกลับเกือบ 2000 กิโลเมตร nanothailand พบว่าถนนหนทางมีการสร้าง ซ่อมแซม กันตลอดเวลา ไม่เคยหยุดหย่อน เพราะมันพังได้ตลอด ถนนที่สร้างเสร็จใหม่ๆ เป็นสวรรค์ของผู้ขับขี่ ต้องรีบใช้เลยเพราะอีกไม่นานผิวทางก็จะเสื่อมและพัง ถนนพระราม 2 เป็นตัวอย่างของถนนที่สร้างไม่เคยเสร็จ เพราะมีการซ่อมแซมตลอดเวลา กรมทางหลวงสหรัฐเขาใฝ่ฝันไปถึงถนนที่มีความสามารถในการซ่อมบำรุงตัวเองได้ในระดับหนึ่ง โดยได้ให้งบประมาณแก่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เพื่อค้นคว้าหาวัสดุที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ เบื้องต้นนั้นทางคณะวิจัยได้คิดค้นพอลิเมอร์ที่สามารถซ่อมแซมรอยแตก โดยการบรรจุสารซ่อมแซมเข้าไปในแค็ปซูลจิ๋ว โดยเมื่อวัสดุเกิดรอยแตก แค็ปซูลจิ๋วจะปล่อยสารเคมีออกมา ซึ่งจะซึมเข้าไปในรอยแตกได้เองด้วยแรงธรรมชาติ แล้วเกิดปฏิกริยาเคมีประสานผิวรอยแตกนั้น ทำให้หยุดการขยายวงเสียแต่เนิ่นๆ ซึ่งได้เริ่มมีการทดลองในเวอร์ชันที่ใหญ่กว่า กล่าวคือ ใช้การบรรจุสารเคมีเข้าไปในเส้นใยจิ๋ว โดยนำไปผสมกับคอนกรีต เมื่อคอนกรีตเกิดการแตกร้อย เส้นใยจิ๋วนี้จะแตกด้วยแล้วปล่อยสารประสานรอยร้าวออกมา ซึ่งเป็นที่ต้องการในงานวางคานและตอม่อสะพานมาก เนื่องจากโดยวิธีปกติเมื่อมีรอยแตกร้าว จะต้องมีการอัดฉีดอีป็อกซีเข้าไป ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก หากเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปจนถึงระดับที่ใช้งานจริง อีกหน่อยการเดินทางด้วยรถยนต์จะน่าภิรมย์ปานใด ลองคิดดูสิครับ ..... เรื่องนาโนเทคโนโลยีที่นำไปใช้ทำให้ถนนดีขึ้นเนี่ย วันหลัง nanothailand จะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครับ
(ภาพข้างบนไม่ใช่ self healing road นะครับ แต่นำภาพถนนที่ซ่อมปะจนเกือบไม่เหลือที่ให้พังแล้ว มาโชว์ให้ดู)
12 กันยายน 2550
เวียดนามคุย สังเคราะห์ท่อนาโนคาร์บอนส่งนอก

จะว่าไปแล้ว ความน่ากลัวของท่าน ผอ. เหงียน ก็คือ ใน Saigon Hi-Tech Park ของเขาเอง มีอุตสาหกรรมรองรับการผลิตท่อนาโนคาร์บอนแล้ว ซึ่งก็คือแบตเตอรีนั่นเอง ซึ่งเขาคุยว่าเขาผลิตท่อนาโนแบบรูปตัว Y อีกต่างหาก ไม่ถ่อมตัวเลยท่าน แถมโม้ต่ออีกว่าประสิทธิภาพดีกว่า Nafion ที่ผลิตโดยอเมริกาอีกด้วย เป็นยังไงครับ ฟังแล้วหนาวเพิ่มขึ้นมาอีก นาโนเมืองไทย ต้องขยันเพิ่มขึ้นนะครับ ลูกหลานเราจะได้ไม่ต้องไปดูงานที่เวียดนาม
(ภาพซ้ายมือ - สาวฮานอยยิ้มรับกล้องอย่างเป็นมิตร เวียดนามเกือบลืมอดีตที่ขมขื่นไปหมดแล้ว ตอนนี้เขามุ่งสู่อนาคตอย่างเต็มที่)