18 พฤษภาคม 2552

Dubai Food City - ดูไบเมืองแห่งอาหาร


ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำอย่างตอนนี้ ผมมักจะได้ยินคนพูดกันอยู่บ่อยๆว่า "ไม่ต้องกลัว เมืองไทยยังไงก็ไม่อดตาย ยังไงคนก็ยังต้องกิน" หลายคนฝากความหวังว่าเมืองไทยยังไงก็เป็นครัวโลก เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ยิ่งตอนนี้ประชากรโลกเพิ่มขึ้น ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงทำให้หลายประเทศผลิตอาหารไม่พอกิน ประเทศอาหรับถึงจะเป็นเศรษฐีน้ำมัน มีเงินก็ต้องนำมาซื้ออาหารจากเรา แต่ทว่า ....... ความคิดแบบนี้ระวังจะใช้ได้อีกไม่นานหรอกครับ ด้วยวิศวกรรมเปลี่ยนฟ้าแปลงดิน Geoengineering อีกหน่อยประเทศทะเลทรายอาจจะผลิตอาหารได้มากกว่าประเทศที่อุดมสมบูรณ์อย่างเราก็ได้ วันนี้ผมนำโครงการหนึ่งที่จะขับเคลื่อนความฝันของอาหรับ เพื่อไปสู่ประเทศที่ผลิตอาหารได้เอง โครงการนั้นคือ Dubai Food City

ปัจจุบันประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต้องนำเข้าอาหารถึง 90% เชียวครับ ดังนั้นหาก Dubai Food City นี้ทำให้ประเทศนี้ไม่ต้องนำเข้าอาหารอีกต่อไป ก็ถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแก่การลงทุน ก่อนหน้านี้ประเทศอาหรับได้ไปลงทุนทางด้านการเกษตรในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องข้าวในเวียดนาม เรื่องผักในชิลี และซูดาน ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นคงในด้านอาหาร อีกทั้งกะว่าจะเป็นผู้ส่งออกผลผลิตการเกษตรจากดินแดนที่ตนเข้าไปร่วมลงทุน ก่อนหน้านี้หากยังจำได้ว่า ซาอุดิอารเบียเคยคิดจะเข้ามาลงทุนปลูกข้าวในประเทศไทย แต่ถูกต่อต้านอย่างหนัก ทั้งนี้เขาต้องการเรียนรู้การปลูกข้าว เพื่อนำเทคโนโลยีกลับไปทำในบ้านเขาซึ่งเขาจะปลูกในเรือนควบคุมสภาพอากาศ

Dubai Food City จะเป็นเมืองที่ใช้พลังงานทางเลือก โดยทั้งเมืองจะผลิตพลังงานใช้เองทั้งหมดจากแหล่งพลังงานทางเลือกต่างๆ เช่น Solar Concentrator แต่ละอาคารจะมีเซลล์สุริยะแบบฟิล์มบางบนผิวทั้งหมด ทางเท้ามีระบบเก็บเกี่ยวพลังงานจากการเดินของคน มีเรือนปลูกผัก ผลไม้ ควบคุมสภาพอากาศ มีฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก มีระบบการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่

ฟังดูก็ต้องกลับมาคิดว่า ประเทศอู่ข้าวอู่น้ำอย่างเรา จะปล่อยให้เกษตรยังเป็นแบบที่ไม่ต้องดูแลมาก แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนครับ .....