ประเทศไทยมีบัณฑิตที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย สายวิทยาศาสตร์ประมาณ 30% สายสังคมศาสตร์ 70% ในขณะที่ประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ตัวเลขนี้จะกลับข้างกัน ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะทุ่มเงินให้แก่วงการศึกษาของชาติมากเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าอัตราส่วนยังเป็นแบบนี้ ประเทศไทยก็ไม่มีทางแข่งขันกับประเทศที่มีคนจบสายวิทย์เยอะๆ ได้ ดังนั้น ประเทศไทยจึงเหลือทางรอดเดียวครับ คือ ปรับสัดส่วนนี้ซะ ด้วยการส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยที่เน้นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เพิ่มการผลิตบัณฑิตทางด้านนี้ และลดกำลังการผลิตบัณฑิตสายสังคมศาสตร์
ล่าสุด ทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ รู้จักกันในนาม สกอ. ได้ออกแพ็คเก็จใหม่ภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล SP2 (Stimulus Package 2) แผนการนี้มีชื่อค่อนข้างยาวครับ ผมขอใช้ชื่อสั้นๆ ว่า "โครงการมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ" ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นของ สกอ. ประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยเด่นๆ ที่มีศักยภาพเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติทั้งหมด 7 แห่งเท่านั้น ซึ่งมหาวิทยาลัยเหล่านี้ติดอันดับโลกด้วย ซึ่งจัดอันดับโดย The Times Higher Education โดยอันดับในปี 2008 ได้แก่
(1) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ติดอันดับ 166
(2) มหาวิทยาลัยมหิดล ติดอันดับ 251
(3) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดอันดับ 400
(4) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ติดอันดับ 401-500
(5) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ติดอันดับ 401-500
(6) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ติดอันดับ 500+
(7) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ติดอันดับ 500+
ล่าสุดในปี 2009 นี้ ได้มีการจัดอันดับใหม่ เป็นการจัดอันดับในประเทศเอเชียโดย QS.com โดยผลการจัดอันดับมีดังนี้
(1) มหาวิทยาลัยมหิดล ติดอันดับ 30 ของเอเชีย
(2) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ติดอันดับ 35
(3) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ติดอันดับ 81
(4) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ติดอันดับ 85
(5) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดอันดับ 108
(6) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ติดอันดับ 109
(7) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ติดอันดับ 113
มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาตินี้ จะได้งบประมาณส่งเสริมการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทย ให้สู้กับโลกภายนอกได้ โดยมหาวิทยาลัยเหล่านี้จะต้องเพิ่มสัดส่วนการผลิตบัณฑิตสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้มากกว่าสายสังคมศาสตร์ และต้องผลักดันอันดับของมหาวิทยาลัยไทยให้สูงขึ้นในเวทีโลก ..... ผมฝันว่าวันหนึ่ง เราจะมีมหาวิทยาลัยเก่งๆ อย่าง MIT ครับ .................