ช่วงนี้ผมมาทำงานภาคสนามทางภาคเหนือครับ ได้รับเชิญมาพูดเรื่องไร่องุ่นอัจฉริยะในงาน The Wine Workshop 2009 ที่เชียงใหม่ แล้วก็เอาจมูกอิเล็กทรอนิกส์มาดมกลิ่นขี้หมูในฟาร์ม ที่จังหวัดเชียงรายครับ คืนนี้ผมมาพักอยู่ที่น้ำโขงริเวอร์ไซด์ อ.เชียงของ ครับ ห้องพักหันหน้าเข้าหาแม่น้ำโขง บรรยากาศดีมาก ที่โรงแรมมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ใช้ฟรีด้วย เลยได้อัพเดต Blog สักหน่อย วันนี้ผมขอพูดเรื่องเบาๆ สมองครับ ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับการแสวงหาความเข้าใจว่าทำไมคนเราถึงชอบมีกิ๊ก ผมจะทยอยเล่าเป็นตอนๆ นะครับ
โครงการ The International Sexuality Description Project ซึ่งนำโดยศาสตราจารย์ เดวิด ชมิดท์ แห่งมหาวิทยาลัยแบรดลีย์ (Bradley University) ได้เปิดเผยผลวิจัยออกมาอย่างน่าประหลาดใจว่า ความสัมพันธ์แบบกิ๊กหรือใกล้เคียง (คือไปยุ่งกับคนที่คบกับคนอื่นอยู่ หรือมีแฟนแล้ว หรือแต่งงานแล้ว) มีอยู่ถึง 20% เลยทีเดียว จากจำนวนคนประมาณ 16,000 คนจาก 53 ประเทศที่มีการสำรวจ (ผมว่าเยอะอย่างน่าตกใจเลยครับ) การวิจัยเรื่องนี้ ต้องการแสวงหาคำตอบต่อคำถามที่ว่า ใครคือกิ๊ก แล้วต้องการมีกิ๊กไปทำไม เกิดอะไรขึ้นเมื่อเป็นกิ๊กกันแล้ว ท่านผู้อ่านล่ะครับ เคยตกเป็นเหยื่อของการมีกิ๊กไหม (แฟนเราไปมีกิ๊ก)? หรือว่าท่านผู้อ่านเป็นกิ๊กเสียเอง !!!
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า คนเราไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนถูกแรงขับดันของสัญชาตญาณให้ขยายเผ่าพันธุ์ ซึ่งเกิดจากวิวัฒนาการของมนุษย์เรา ซึ่งสัญชาตญาณนั้นได้เข้ามามีอิทธิพลผ่านสมองของเรา ที่จะสนับสนุนการกระทำให้มีกิ๊ก ศาสตราจารย์อาร์เธอ อารอน (Professor Arthur Aron) แห่งมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ค (State University of New York at Stony Brook) กล่าวว่า "ผู้คนโดยมากแสวงหากิ๊กเพราะมันเป็นสิ่งที่ท้าทาย จากการวิจัยพบว่า ยิ่งคนที่เราอยากได้มาครอบครองนั้นมีอุปสรรคมากมายเพียงใด เรายิ่งอยากได้คนนั้นมา" นี่เป็นเหตุผลที่มีผู้ชายโสดๆ และ ผู้หญิงโสดๆ เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด แต่ผู้ชายที่แต่งงานแล้วกลับมีเมียน้อย
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ชมิดท์ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า พวกที่ชอบมีกิ๊กเนี่ย ก็ไม่ได้ปรารถนาความสัมพันธ์ยาวไกลนัก ส่วนใหญ่อยากเอาชนะ อยากท้าทาย เพื่อมีความสัมพันธ์เร็วๆ ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกกิ๊กทั้งหลายก็คงจะหาคู่ที่เป็นตัวเป็นตนไปแล้ว ไม่ต้องมาเป็นกิ๊ก
พระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติศิล 5 ว่าเป็นข้อปฏิบัติเพื่อรักษาความเป็นมนุษย์ ซึ่งศิลในข้อที่ 3 ได้กำหนดมิให้คนเราประพฤติผิดในกาม ซึ่งการมีกิ๊กก็เป็นการผิดศิลข้อที่ 3 ด้วย อย่างนั้น การที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า คนเราถูกแรงขับดันจากกระบวนการทางวิวัฒนาการให้มีกิ๊ก ก็ขัดแย้งกับข้อปฏิบัติในการรักษาความเป็นมนุษย์น่ะสิ ? ถ้าอยากรู้คำตอบก็คอยอ่านตอนต่อๆ ไปครับ .........