28 สิงหาคม 2552

The Science of Ageing - ชราศาสตร์: ศาสตร์แห่งการแก่ (ตอนที่ 3)


ระหว่างที่ผมไปออกทริปภาคสนามทางภาคเหนือ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมได้มีโอกาสตระเวณไปตามเส้นทางที่ผ่านไร่นา ชนบท ดอยและภูเขา หมู่บ้านของชนเผ่าต่างๆ สิ่งที่ผมสังเกตเห็นอย่างหนึ่งก็คือ ประชากรส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย ดังนั้นสิ่งที่ผมมักได้ยินว่าสังคมชนบทกำลังล่มสลาย เพราะคนหนุ่มสาวทิ้งไร่ทิ้งนานั้น ก็น่าจะเป็นจริง สิ่งที่ผมได้ยินอยู่เป็นประจำเวลาไปทำงานภาคสนามในไร่ ก็คือ แรงงานภาคเกษตรโดยเฉพาะการทำงานในไร่นานั้นหายากขึ้นทุกทีๆ และคนที่ยังทำอยู่ก็จะเป็นผู้สูงวัย

นักวิทยาศาสตร์พยายามค้นหาคำอธิบายในเรื่องของการแก่ ทำไมคนเราต้องแก่ และเราสามารถชะลอการแก่ได้หรือไม่ นักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า การแก่เป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตทุกตัวตนจะต้องเผชิญ โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้มีฐานสนับสนุนที่เข้มแข็งว่า ความแก่ เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะชะลอได้โดยง่าย แต่ในช่วงหลังๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์อีกกลุ่มที่เชื่อว่า ความแก่ เป็นสิ่งที่สามารถดัดแปลงและวิศวกรรมได้ เริ่มจะประสบผลสำเร็จในการยืดอายุสัตว์เล็กๆ ไม่ว่าจะเป็น ไส้เดือน แมลงวัน และหนู ที่น่าแปลกใจก็คือ การดัดแปลงยีนเพียงแค่ตัวเดียว ก็สามารถทำให้สัตว์พวกนี้แก่ช้าลงได้แล้ว

ศาสตราจารย์ แกรี่ รูพกูน (Gary Ruvkun) แห่งศูนย์ชีววิทยาคำนวณและบูรณาการ (Center for Computational and Integrative Biology) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้กล่าวว่า "อย่าไปฟังนักชีววิทยาวิวัฒนาการนะครับ คนพวกนี้ชอบบอกเราว่าเรื่องนี้อย่าคิดไปทำเลย" ท่านได้ศึกษาเรื่องของการยืดอายุขัย ด้วยการใช้ศาสตร์ทางด้านชีววิทยาเชิงโมเลกุล ท่านได้ศึกษากลไกการเกิดเมตะบอลิซึมในร่างกาย เพื่อไขปริศนาของการแก่ ในการทดลองกับหนูทดลองนั้น หากหนูทดลองได้รับการควบคุมแคลอรี่ในอาหารทุกๆมื้อให้น้อยลงสัก 30% ซึ่งยังเป็นสูตรอาหารที่ทำให้หนูพวกนี้อยู่ได้อย่างมีสุขภาพดี ผลการวิจัยพบว่าหนูที่ลดอาหารจะมีอายุขัยยืนยาวเพิ่มอีก 30-40% จากหนูที่กินมื้อปรกติทั่วไป แต่สูตรอาหารนี้ยังเป็นที่ถกเถียงว่าจะใช้กับมนุษย์ได้หรือไม่ โดยคนทั่วไปคิดว่าในทางปฏิบัติมันไม่น่าจะทำได้ แต่ผมไม่เชื่อครับ ผมคิดว่าน่าจะทำได้ ไม่ยากครับ ดูอย่างพระสงฆ์สายปฏิบัติ สามารถที่จะฉันอาหารได้เพียงมื้อละหยิบมือ เพียงวันละ 1 มื้อเท่านั้น ท่านเหล่านั้นมีอายุยืนยาวเกือบ 100 ปีทั้งนั้น

ในเมื่อนักวิทยาศาสตร์คิดว่า การลดแคลอรี่ในอาหารทุกมื้อสำหรับคนเราสัก 30% ทำได้ยาก จึงอยากจะใช้วิธีอ้อมๆ ด้วยการไปหลอกร่างกายว่าได้ลดแคลอรี่แล้ว ครั้งหน้าผมจะมาเล่าต่อนะครับ .......