05 กันยายน 2550

ไทยกร่อย กินฝุ่นมาเลเซียด้าน ICT แม้ยังเป็นต่อด้านนาโน



แม้ประเทศไทยจะตั้งศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติหรือ NANOTEC ก่อนมาเลเซียถึง 3 ปี (ไทยจัดตั้งโครงการนาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยดำริของ พตท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในปี พ.ศ. 2546 ในขณะที่มาเลย์เพิ่งจะตั้งโครงการ Malaysia National Nanotechnology Initiative เมื่อ พ.ศ. 2549 นี้เอง) เราก็ไม่สามารถประมาทเขาได้ แม้ดูๆ เหมือนเขามาเลียนแบบเราตั้งแต่เรื่องของชื่อศูนย์ ไปจนถึงกิจกรรมที่ศูนย์นาโนแห่งชาติของเขาจะทำ ทำให้มองกลายๆ เหมือนเดินตามหลังเราอยู่ ทั้งนี้เพราะในอดีตเราเองก็เคยคิดจะชูเมืองไทยให้เป็นศูนย์กลาง ICT ให้ได้ มีโครงการที่จะสร้าง Software Cities เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ให้เป็นแหล่งนักเขียนโปรแกรม รับงาน outsource จากต่างประเทศ สุดท้ายก็ปล่อยโอกาสให้บังกาลอร์ แถมตอนนี้เจอคู่แข่งใหม่ ทางด้านการรับงาน outsource นั่นก็คือ เวียดนาม ที่ตอนนี้ฮ็อตมากๆ

กลับมาดูทางมาเลเซียเขาอีกทีครับ ทาง World Economic Forum ได้จัดทำรายงานออกมา 2 ฉบับ ในปีนี้ ได้แก่ Global Competitiveness Report 2006-2007 ซึ่งบอกถึงขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งแน่นอนกลุ่มประเทศ Nordic ดินแดนแห่งนวัตกรรม และ Entrepreneur ที่ผมเคยพูดถึงในบทความเรื่อง Experience Economy นำอยู่ในอันดับต้นๆ สิงคโปร์มาอันดับ 5 มาเลเซียคู่แข่งเรามาที่ 26 ไทยเราอันดับ 35 ส่วนอีกรายงานหนึ่งนั้นชื่อว่า Global Information Technology Report ก็มีการจัดอันดับความก้าวหน้าด้าน ICT ผลปรากฎว่า เราอยู่ในอันดับที่ 37 ตามหลังมาเลเซียซึ่งอยู่ในอันดับ 26 โล่งอกที่เวียดนามยังอยู่หลังเราค่อนข้างมากโดยอยู่อันดับที่ 82 ดูกันอย่างนี้แล้ว อันดับทางนาโนเทคโนโลยีที่เราเคยคิดกันเล่นๆ ว่า เรายังนำมาเลเซียอยู่ ก็หวั่นไหวได้เหมือนกัน เพราะจริงๆ พวกเรายังเล่นด้านนาโนวัสดุกันเป็นหลักอยู่ หากปล่อยให้เวียดนามกับมาเลเซียเจริญด้าน นาโนอุปกรณ์มากกว่าเราอย่างนี้ต่อไป เราก็จะรั้งอยู่ท้ายของ Value Chain ที่ต่องแข่งกับประเทศที่มีแรงงานราคาถูก เหมือนกับ หลายๆเรื่องที่เป็นปัญหาของเราขณะนี้ ไม่ว่าจะสิ่งทอ ข้าว ยางพารา ผักผลไม้ และ สินค้าเกษตร

(ภาพด้านบน - มาเลเซียกำลังกลายเป็นประเทศแห่งสีสัน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น