29 พฤศจิกายน 2550

Artificial Cell - จุดกำเนิดของ Life Version 2.0


มนุษย์เคยมีความเชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลกและมนุษย์ขึ้นมาจนกระทั่ง ชาร์ล ดาร์วิน ได้ออกท่องทะเลเดินทางไปสังเกตพันธุ์พืชและสัตว์ทั่วโลกเมื่อปี พ.ศ. 2374 ซึ่งต่อมาเขาได้พัฒนา “ทฤษฎีวิวัฒนาการ” ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานอันสำคัญของวิชาชีววิทยา ปัจจุบันนี้เราเชื่อว่ามนุษย์และสัตว์ได้พัฒนาความซับซ้อนขึ้นมาเรื่อยๆ นานนับพันล้านปีจากสิ่งมีชีวิตที่ง่ายที่สุดคือแบคทีเรียซึ่งมีเซลล์เพียงแค่หนึ่งเซลล์เท่านั้น ดังนั้นบรรพบุรุษของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้ก็คือแบคทีเรีย ส่วนก่อนหน้านี้แบคทีเรียมีวิวัฒนาการมาอย่างไรนั้นก็ยังเป็นหัวข้อวิจัยที่ทำกันไปทั้งชาติก็คงไม่จบ


ถึงแม้สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวอย่างแบคทีเรียจะถือเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นต่ำเอามากๆ แต่เทคโนโลยีปัจจุบันของมนุษย์ก็ยังไม่มีศักยภาพพอที่จะสร้างมันขึ้นมาด้วยการออกแบบเองใหม่ทั้งหมดโดยไม่อาศัยของเดิมจากธรรมชาติเลย แต่เมื่อเร็วๆนี้ได้เริ่มมีกลุ่มวิจัยรวมตัวกันเพื่อเป้าหมายที่ท้าทายมากๆ กล่าวคือต้องการสร้างชีวิตขึ้นมาเองโดยการออกแบบ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภายุโรปภายใต้หัวข้อ Programmable Artificial Cell Evolution (PACE) และนี่ก็คือที่มาของ A-Cell สิ่งมีชีวิตเทียมหรือเซลล์เทียมซึ่งจะทำให้นิยามของคำว่า “สิ่งมีชีวิต” เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล และเป็นจุดกำเนิดของ Life Version 2.0


ถึงแม้ A-Cell ที่ทำได้ในปัจจุบันจะยังไปไม่ถึงขั้นเกิดสิ่งมีชีวิตชนิดแรกโดยมนุษย์เป็นผู้รังสรรขึ้น แต่ A-Cell ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีประโยชน์มากมายแล้ว ตอนนี้เราสามารถสร้าง A-Cell จากวัสดุหลายแบบ ทั้งจากโมเลกุลไขมันเหมือนในสิ่งมีชีวิตหรือจากพอลิเมอร์สังเคราะห์เพื่อสร้างเป็นเยื่อหุ้มเซลล์ โดยเราสามารถออกแบบให้โมเลกุลโปรตีนไปฝังตัวบนเยื่อหุ้มเพื่อทำหน้าที่ได้ มีกลุ่มวิจัยบางกลุ่มสามารถใส่เอนไซม์เข้าไปใน A-Cell แล้วป้อนวัตถุดิบเพื่อให้เอนไซม์ทำงานเลียนแบบสภาพแวดล้อมในเซลล์จริงๆ บริษัทยาบางแห่งได้สร้าง A-Cell ขึ้นมาสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคบางชนิดที่ไม่สามารถย่อยสารอาหารบางอย่างได้ ทำให้เป็นโรคขาดสารอาหาร โดยผู้ป่วยจะรับประทาน A-Cell เข้าไปพร้อมอาหาร ทำให้สามารถย่อยอาหารได้ และ A-Cell ยังถูกขับถ่ายออกมาโดยไม่สะสม


ความก้าวหน้าในเทคโนโลยี A-Cell นี้จะมีผลย้อนกลับไปส่งเสริมให้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ซูเปอร์จิ๋วและเซ็นเซอร์โมเลกุลให้พัฒนาแบบก้าวกระโดด เทคโนโลยี A-Cell จึงเป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่ควรมองข้าม เพราะขณะนี้เรายังขาดนักวิจัยทางด้านนี้ในประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น