มี M อยู่ 3 M ครับ ที่กำลังจะมาบูรณาการกันแล้วก่อให้เกิดศาสตร์ใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงโลก M 3 ตัว นั้นได้แก่ Man, Machine และ Materials ครับ ก่อนหน้านี้ผมได้พูดถึงการบูรณาการระหว่างคนกับจักรกล (Man-Machine Interface หรือ Man-Machine Integration) อยู่บ่อยๆ แต่เรื่องของการบูรณาการระหว่าง Machine กับ Materials ผมยังไม่ค่อยพูดถึงมากนัก ผมก็เลยอยากจะมาแนะนำศาสตร์ทางด้านนี้หน่อยครับ
ผมจะขอแบ่งความก้าวหน้าของวัสดุเป็น 3 ยุคนะครับ ยุคแรกก็คือยุค Dumb Materials หรือ ยุควัสดุโง่ ซึ่งได้แก่ คอนกรีต ทราย ไม้ กระจก โลหะ กระดาษ ผ้า หรือแม้แต่ พลาสติก ทั้งพลาสติกที่ย่อยสลายได้ หรือ ย่อยสลายไม่ได้ หรือ พลาสติกชีวภาพ ก็ถือว่าเป็นวัสดุโง่ทั้งสิ้นล่ะครับ ยุคที่สองของวัสดุคือยุคของ Smart Materials หรือ ยุควัสดุฉลาด จะเรียก Advanced Materials ก็ได้ บางคนก็เรียก Functional Materials บางคนก็เรียก Hierachical Structure Materials แต่อย่าไปสับสนกับ Nanomaterials (นาโนวัสดุ) นะครับ คือ นาโนวัสดุเนี่ยเป็นได้ทั้งวัสดุโง่และวัสดุฉลาด ครับ แต่ส่วนมากจะเป็นวัสดุฉลาด เพราะมันทำหน้าที่ได้มากกว่า 1 อย่าง
ที่นี้ยุคที่สามเนี่ยก็คือยุคของ Materials Intelligence หรือ วัสดุปัญญา ยุคนี้วัสดุจะเหมือนมีหัวคิด มีตรรกะ มีซอฟต์แวร์ซ่อนอยู่ข้างใน ถ้าจะพูดให้เว่อร์ๆ ก็คือ วัสดุมีปัญญาแล้ว คือ เป็นขั้นที่สูงกว่าฉลาดขึ้นไปอีก ตอนนี้นักวิจัยที่ทำงานด้านนี้ส่วนใหญ่จะได้งบจากเพนทากอนครับ เพราะส่วนใหญ่ต้องการนำไปใช้ทางการทหาร แนวว่าต้องการสร้างเซอร์ไพรซ์และความได้เปรียบเหนือฝ่ายศัตรู
Dr. Mitchell R. Zakin ผู้ประสานงานโครงการ Programmable Matter ของกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้ให้ทุนวิจัยแก่กลุ่มวิจัยดังๆ ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยคอร์เนล และ MIT กล่าวว่า "ต่อไปคุณจะแยกไม่ออกระหว่างวัสดุ กับ จักรกล ครับ ในเมื่อต่อไปวัสดุจะทำงานคล้ายคอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารทั้งหลาย ในขณะเดียวกัน คอมพิวเตอร์ กับ อุปกรณ์ไอที ก็จะทำงานเหมือนเป็นวัสดุ"
แล้วผมจะทยอยมาคุยเรื่องนี้อีกนะครับ .........