หายไปหลายวันเลยครับ ผมเพิ่งกลับมาจากทำงานภาคสนามในไร่องุ่น ช่วงนี้อากาศร้อนกับอากาศเย็นเริ่มเข้าปะทะกันแล้ว เราจะเริ่มเห็นฝนตกกันบ้างแล้ว
ก่อนหน้านี้ผมเคยกล่าวเอาไว้เรื่อยๆ นะครับว่าศตวรรษที่ 21 จะมีศาสตร์ใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ในขณะเดียวกันศาสตร์เก่าๆ หลายๆศาสตร์จะเริ่มหันเข้าหากัน มาคุยกันมากขึ้นๆ วิทยาศาสตร์ของจิตใจ (Mind Sciences) จะถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษนี้เพื่อแสวงหาความเข้าใจในเรื่องของจิตใจ เรื่องของความคิด วันนี้ผมจะขอแนะนำศาสตร์หนึ่งที่กำลังมีความสนใจศึกษากันมากขึ้น นั่นคือ Neurotheology หรือ ประสาทเทววิทยา ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงประสาทวิทยา (Neuroscience) กับ ศาสนวิทยา หรือ เทววิทยา (Theology) โดยพื้นฐานของ Neurotheology นั้นอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ความเชื่อทางศาสนานั้นเกิดจากสมองของเรา ซึ่งเข้ารหัสพันธุกรรมเอาไว้เพื่อทำให้มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเอาตัวรอดได้เหนือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ โดยความคิดเรื่องพระเจ้า หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ สิ่งเหนือธรรมชาติ นั้นเป็นเรื่องของสมองเพียวๆครับ สิ่งนั้นไม่ได้มีจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงความคิดที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้น นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานวิจัยในสาขานี้ มีเป้าหมายจะหาหลักฐานต่างๆ มาพิสูจน์สมมติฐานนี้ โดยการศึกษาสมองและพฤติกรรมที่เกี่ยวกับศาสนาของมนุษย์ ถ้าหากสมมติฐานนี้เป็นจริง แสดงว่าความคิดเรื่องพระเจ้าหรือความเชื่อทางศาสนาเนี่ย สามารถที่จะปลูกใส่ในหุ่นยนต์ได้เช่นกัน ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง I, Robot คงจะจำตอนจบได้ว่าหุ่นยนต์ก็มีความเชื่อหรือศรัทธาในสิ่งต่างๆได้เช่นกัน
ดร. แอนดรู นิวเบิร์ก (Andrew Newberg) อาจารย์ทางด้านประสาทวิทยาสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งเพนซิลวาเนีย ในสหรัฐฯ เป็นผู้หนึ่งที่วิจัยในศาสตร์ทางด้านนี้อย่างเอาจริงเอาจัง ท่านได้แต่งหนังสือ "Why We Believe What We Believe" ซึ่งเป็นหนังสือที่โด่งดัง ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ได้อธิบายว่าทำไมคนเราถึงยังงมงายในเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพระเจ้า UFO เรื่องของออรา เรื่องของการรักษาด้วยพลังจักรวาล ถึงแม้จะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ทดสอบได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องพรรค์นั้นไม่มีจริง อาจารย์ Newberg ได้ศึกษากลไกทางชีววิทยาที่ควบคุมความรู้สึกเชิงวิญญาณ ความคิดเชิงสังคม และความเชื่อความศรัทธาต่างๆ ของมนุษย์ โดยเขาได้เสนอว่ามนุษย์เรานั้นถูกกลไกทางชีววิทยาขับดันให้พยายามค้นหาความหมายของชีวิตตลอดการมีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะได้อยู่รอดและสืบเผ่าพันธุ์สืบลูกสืบหลานให้คงอยู่ ความเชื่อทางศาสนาช่วยให้มนุษย์อยู่เป็นกลุ่มก้อนได้โดยไม่ทำลายกันเอง แต่ต้องช่วยเหลือพวกเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันสมองของคนเราก็มีศักยภาพให้สร้างความเชื่อมากกว่าที่เราต้องการใช้เพื่อความอยู่รอด เราสามารถใช้มันเพื่อจูงใจผู้อื่น สร้างสังคมที่มีกฎระเบียบ รักษาโรคภัยไข้เจ็บของเราเอง สร้างความสัมพันธ์เชิงวิญญาณกับผู้อื่นได้
วันหลังจะมาเล่าต่อนะครับ ........