สวัสดีวันวาเลนไทน์นะครับ เมื่อวานรถติดมากๆ แต่ผมได้ยินมาว่าปีนี้แม่ค้าขายดอกกุหลาบบ่นกันมากว่า ดอกไม้ขายไม่ค่อยออกเท่าไหร่ เมื่อวานผมก็ได้ของเหมือนกันแต่ไม่ใช่ดอกไม้ ก็เลยเข้าใจว่าปีนี้คนไม่ค่อยให้ดอกไม้กัน ให้เป็นของอย่างอื่นกันมากกว่าแล้วล่ะครับ ......
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนของผมหลายคนรวมทั้งตัวผมเองนั้น เคยมีอาการที่เรียกว่า "ติดสาว" คือแทบจะไม่ได้เป็นอันเรียน ต้องเทียวไปตามดู ตามตื้อสาว เรื่องอะไรก็ไม่สนใจ ไม่อยากกิน ไม่อยากนอน ต้องการไปเห็นหน้าก็พอแล้ว อาการ "ติด" ความรักที่ว่านี้นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามค้นหาว่ามันเกิดจากอะไร และดูเหมือนว่าเราเริ่มเข้าใจกลไกที่เกี่ยวข้องกับความรักมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วครับ พระพุทธองค์ทรงค้นพบเมื่อ 2500 ปีที่แล้วว่าความทุกข์ของมนุษย์เกิดจาก "ตัณหา" และเจ้าตัวตัณหานี้เองก็เกิดจาก "อวิชชา" หรือ "ความไม่รู้" ตอนนี้ วิทยาศาสตร์กำลังเปิดเผยให้เรารู้แล้วครับว่า อะไรคือรัก เมื่อเรารู้แล้ว ต่อไปเราจะได้ไม่ทุกข์กับมันอีก
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าความรักประกอบด้วยกระบวนการทางเคมีหลายขั้นตอน พวกเราถูกกำหนดมาจากพันธุกรรมให้มีเรื่องรักๆใคร่ๆ มาตั้งแต่เกิดโดยการรักพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามา เพื่อที่จะทำให้เรารู้จักความรัก จากนั้นพอโต กระบวนการทางฮอร์โมนจะทำงานเพื่อให้เราสิเน่หาเพศตรงข้าม ทำให้เราพยายามหาคู่ครองและสืบพันธุ์ จากนั้นเราก็จะเกิดความรักกับทารกที่เกิดจากเรา กลไกเหล่านี้หลอกเราให้สืบทอดเผ่าพันธุ์ของเรา โดยเราไม่รู้ตัว สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแล้ว มีเพียง 3% เท่านั้นเองครับที่มีพฤติกรรมเชิงสังคมให้สร้างครอบครัว "ความรัก" จึงเป็นกลไกทางชีววิทยาที่ซับซ้อนมาก ซับซ้อนจนตัวเราถูกหลอกมานานแสนนานโดยไม่รู้ตัว
วันหลังผมจะมาเล่าต่อนะครับ ..... ทำไมผมถึงต้องเล่าเรื่องนี้ครับ ??? ก็เพราะว่าความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความรัก จะทำให้เราเกิดความก้าวหน้าในศาสตร์หลายๆศาสตร์ ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่า Robotics, Entertainment Science หรือแม้แต่การรักษาโรค ไงครับ ......
(ภาพบน - ในภาพยนตร์ Wall-E หุ่นยนต์ก็สามารถเรียนรู้ที่จะรักได้ หรือว่า ความรักเป็นได้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ .....)