วันนี้มาคุยให้ฟังต่อนะครับว่า นักอุตสาหกรรมเขามีมุมมองอย่างไร กับเรื่องของรถยนต์แห่งอนาคต แต่ก่อนอื่น ขอเล่าเรื่องพม่าต่ออีกนิดนึงครับ ผมได้มีโอกาสไปเมืองย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเมืองหลวงปัจจุบัน กับเมืองหงสาวดี ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่า มองเมืองย่างกุ้งแล้วก็เจริญหูเจริญตา เมืองนี้อาจตามหลังกรุงเทพฯของเราสัก 50 ปี เปรียบเทียบกับหงสาวดีที่เป็นตัวแทนของความยากจน เรามองจะมุมมองของเราชีวิตของเขาดูจะทุกข์ยาก แต่จริงๆแล้วเขาก็มีความสุขในแบบของเขา พม่ายังเป็นเมืองพุทธที่เคร่งครัดมาก คนพม่าจะชอบเข้าวัด นั่งสมาธิ ความเพลิดเพลินของเขาคือการไปนั่งมองเจดีย์ชเวดากองที่ศักดิ์สิทธิ์ยามค่ำคืน คิดไป คิดไป ก็เสียดายว่า วันหนึ่งประเทศที่มีความสวยงามทางด้านจิตใจแห่งนี้ ก็จะเจริญขึ้นมาแบบประเทศไทย หรือ เวียดนาม คอยดูสิครับ อีก 10 ปี พม่าจะก้าวขึ้นมาแข่งขันกับพวกเราในอาเซียน
ย้อนกลับมาดูแนวโน้มของรถยนต์ในอีก 10 ปีข้างหน้าที่นักอุตสาหกรรมล้วนคาดการณ์ว่า จะเล็กลง เล็กลง จนกลายเป็นของใช้ประเภท Pod กระจุ๋ม กระจิ๋ม เลือกสี เลือกลาย เลือกน่ากาก พอตกรุ่นก็ทิ้งก็เปลี่ยน ออกแนว i-Pod ผมก็เลยตั้งชื่อใหม่ให้ว่า Mobile Pod หรือ m-Pod ไปซะเลย ปกติแล้วการเปลี่ยนรถยนต์บ่อยๆ เป็นเรื่องของคนมีตังค์ที่มีไลฟ์สไตล์แบบ Playboy เท่านั้น แต่ถ้าหากรถราคาไม่ถึงแสนล่ะครับ ก็อาจเปลี่ยนได้บ่อยขึ้น ถ้ามีรุ่นใหม่โดนใจ ก็อาจอยากเปลี่ยนเหมือนโทรศัพท์มือถือ เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้นะครับ แต่เมื่อสัก 2 เดือนที่แล้วนี้ รถยนต์จิ๋วที่มีชื่อว่า Tata Nano ก็ได้รับการเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่ นิวเดลฮี ประเทศอินเดีย เจ้า Tana Nano เป็นรถที่ผลิตในอินเดียโดยบริษัททาทา ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมของอินเดีย เจ้า Nano คันนี้มีขนาดความจุกระบอกสูบเพียง 623 ซีซี ผลิตกำลังได้ 33 แรงม้า ด้วยน้ำหนักเพียง 600 กิโลกรัม ทำให้มันวิ่งได้มากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร เจ้ารถ Nano มีราคาเพียง 2,500 เหรียญสหรัฐ หรือ 75,000 บาทเท่านั้น นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมต่างลงมติว่า เจ้า Tata Nano ที่มีราคาใกล้ๆกับเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อฟูจิตสึ นี่แหละครับ จะเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ในไม่ช้านี้ เพราะมันไม่เพียงแต่จะทำให้ประชากรในโลกที่สาม กลายมาเป็นนักเดินทางด้วยล้อ มันยังจะกลายมาเป็นผู้ที่กำหนดทิศทางของอนาคตด้วย บริษัท GM ยักษ์ใหญ่ยานยนตร์โลกต้องร้องฮู ตามมาด้วยการยกเลิกรถใหญ่ขนาดเครื่องยนต์ V8 แล้วหันมาวางแผนผลิตรถเล็กแทน
นอกจากแนวโน้มในเรื่องของขนาด ที่จะเล็กลงแล้ว จะเกิดอะไรกับรถยนต์ในอนาคตอีก แล้วมาคุยกันต่อนะครับ ........
ย้อนกลับมาดูแนวโน้มของรถยนต์ในอีก 10 ปีข้างหน้าที่นักอุตสาหกรรมล้วนคาดการณ์ว่า จะเล็กลง เล็กลง จนกลายเป็นของใช้ประเภท Pod กระจุ๋ม กระจิ๋ม เลือกสี เลือกลาย เลือกน่ากาก พอตกรุ่นก็ทิ้งก็เปลี่ยน ออกแนว i-Pod ผมก็เลยตั้งชื่อใหม่ให้ว่า Mobile Pod หรือ m-Pod ไปซะเลย ปกติแล้วการเปลี่ยนรถยนต์บ่อยๆ เป็นเรื่องของคนมีตังค์ที่มีไลฟ์สไตล์แบบ Playboy เท่านั้น แต่ถ้าหากรถราคาไม่ถึงแสนล่ะครับ ก็อาจเปลี่ยนได้บ่อยขึ้น ถ้ามีรุ่นใหม่โดนใจ ก็อาจอยากเปลี่ยนเหมือนโทรศัพท์มือถือ เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้นะครับ แต่เมื่อสัก 2 เดือนที่แล้วนี้ รถยนต์จิ๋วที่มีชื่อว่า Tata Nano ก็ได้รับการเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่ นิวเดลฮี ประเทศอินเดีย เจ้า Tana Nano เป็นรถที่ผลิตในอินเดียโดยบริษัททาทา ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมของอินเดีย เจ้า Nano คันนี้มีขนาดความจุกระบอกสูบเพียง 623 ซีซี ผลิตกำลังได้ 33 แรงม้า ด้วยน้ำหนักเพียง 600 กิโลกรัม ทำให้มันวิ่งได้มากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร เจ้ารถ Nano มีราคาเพียง 2,500 เหรียญสหรัฐ หรือ 75,000 บาทเท่านั้น นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมต่างลงมติว่า เจ้า Tata Nano ที่มีราคาใกล้ๆกับเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อฟูจิตสึ นี่แหละครับ จะเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ในไม่ช้านี้ เพราะมันไม่เพียงแต่จะทำให้ประชากรในโลกที่สาม กลายมาเป็นนักเดินทางด้วยล้อ มันยังจะกลายมาเป็นผู้ที่กำหนดทิศทางของอนาคตด้วย บริษัท GM ยักษ์ใหญ่ยานยนตร์โลกต้องร้องฮู ตามมาด้วยการยกเลิกรถใหญ่ขนาดเครื่องยนต์ V8 แล้วหันมาวางแผนผลิตรถเล็กแทน
นอกจากแนวโน้มในเรื่องของขนาด ที่จะเล็กลงแล้ว จะเกิดอะไรกับรถยนต์ในอนาคตอีก แล้วมาคุยกันต่อนะครับ ........