ช่วงนี้ประเทศที่ร่ำรวยน้ำมันในตะวันออกกลางทั้งหลาย ล้วนพยายามขับเคลื่อนตัวเองไปสู่ประเทศที่มีความก้าวหน้าสูง โดยพยายามผันกำไรจากรายได้น้ำมัน ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ให้มาพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ดูไบพยายามสร้างสถาปัตยกรรมริมทะเลที่เก๋ไก๋ที่สุดในโลก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สร้างเมืองแห่งพลังงานทางเลือกขึ้น เพราะรู้ว่าอนาคตของพลังงานจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำมันอีกต่อไป ชาติอาหรับต่างรู้ดีเช่นนี้ จึงพยายามนำผลกำไรที่กอบโกยได้ในช่วงนี้ มาลงทุนให้เป็นผู้นำในด้านที่จะเป็นอนาคต เพื่อจะได้อยู่รอดหลังยุคน้ำมัน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา องค์กรวิจัยแห่งชาติที่ดูแลด้านการวิจัยของซาอุดิอาระเบีย ที่มีชื่อว่า King Abdulaziz City for Science and Technology ได้ร่วมกับบริษัท IBM เพื่อจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางนาโนเทคโนโลยี (Nanotechnology Centre of Excellence) โดยศูนย์นี้จะดำเนินการวิจัยมุ่งเป้าในศาสตร์แนวหน้าของโลก ได้แก่ การพัฒนาเซลล์สุริยะ การเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด และปิโตรเคมียุคนาโน (ประเทศอาหรับมีแผนจะเป็นศูนย์กลางปิโตรเคมีของโลก ดังนั้นในอนาคตอันใกล้ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย ไม่ว่าจะเป็น เครือซีเมนต์ไทย ปตท. ทีพีไอ จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะต้นทุนแพงกว่า) น่าชื่นชมประเทศซาอุฯ ที่การตั้งศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติของเขา ค่อนข้างมีทิศทาง ซึ่งก็เน้นทำที่ 3 เรื่องนี้เท่านั้น ในขณะที่ของเรายังไม่หาจุดเน้นไม่เจอ และก็ยังเป็นความถนัดของคนไทย ที่ชอบทำวิจัยในเรื่องที่ตนเองถนัด มากกว่าประเทศถนัด
(ภาพบน - แม้แต่ประเทศที่ร่ำรวยน้ำมันอย่างซาอุดิอาระเบีย ก็ทุ่มพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์สุริยะ เพื่อเป็นพลังงานทางเลือก)