25 พฤศจิกายน 2552

Kansei Engineering - วิศวกรรมอารมณ์


เมื่อครั้งที่ผมเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยมหิดลใหม่ๆ นั้น ผมได้ตระเวณหาซื้อรถเพื่อใช้งาน ก็ไปได้มาสด้า 323 มาหนึ่งคัน สีแดงเลือดหมู ใช้มาได้ 2-3 ปี ก็มีลูกคนแรก ผมก็เลยมาหาซื้อรถที่ออกแนวครอบครัวสักหน่อย ซึ่งก็มาลงตัวที่เชฟโรเล็ตซาฟิรา ภรรยาผมจึงขอรถมาสด้าไปใช้ ซึ่งเธอดูชอบเจ้ารถมาสด้าคันนี้มาก ออกจะรักมันเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตเสียด้วยซ้ำ ส่วนผมนั้น รถก็คือรถ ขอให้ขับไปไหนมาไหนได้ก็พอ ผมไม่สนใจเท่าไหร่ว่ามันเป็นรถอะไร

อยู่มาวันหนึ่ง เจ้ารถมาสด้าที่มีอายุค่อนข้างมากแล้ว มันเกิดป่วยขึ้นมา ผมแนะนำว่าเธอควรเปลี่ยนรถได้แล้ว แต่เธอไม่ยอม ผมจึงต้องซื้ออะหลั่ยใหม่เพื่อมาเปลี่ยนเกือบทั้งคัน ราคาอะหลั่ยทั้งหมดที่เปลี่ยนไปนั้นแพงกว่ารถคันนี้ทั้งคันเสียอีก เธอบอกผมว่าผมจะซื้อรถคันใหม่ให้เธอก็ได้ แต่ขอให้เป็นมาสด้า และก็ขอเก็บคันเก่านี้ไว้ที่บ้านด้วย

ปัจจุบันนี้ ศาสตร์ทางด้าน Kansei Engineering หรือ วิศวกรรมอารมณ์ ได้ถูกนำมาใช้เพื่อออกแบบสินค้า ซึ่งมันสามารถที่จะจับอารมณ์ความรู้สึกของผู้ซื้อไว้ได้อยู่หมัด มาสด้าเป็นบริษัทหนึ่งที่ใช้วิศวกรรมอารมณ์อย่างซีเรียส ซึ่งจริงๆแล้ว บริษัทชั้นนำของโลกก็ใช้วิศวกรรมอารมณ์นี้ออกแบบสินค้าทั้งนั้น แต่ต่างเก็บงำเป็นความลับไม่ค่อยจะนำมาเปิดเผยกันหรอกครับ แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว วิศวกรรมอารมณ์เป็นเรื่องที่อธิบายได้ มีหลักการและเหตุผล ซึ่งหากวิจัยอย่างจริงจังจนมีศักยภาพในการใช้งาน ก็จะนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบแรงบันดาลใจ (Inspiration Economy) ได้ครับ

ก่อนหน้านี้ผมได้พูดถึงเศรษฐกิจแบบแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นโมเดลของระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ ที่วางอยู่บนพื้นฐานของการมีแรงบันดาลใจของผู้ผลิต ไปโน้มน้าวให้ผู้บริโภคเกิดแรงบันดาลใจ รวมกระทั่งคู่แข่งขันให้สร้างสินค้ามาแข่งกันด้วย ระบบเศรษฐกิจแบบนี้จะมีแต่ความสนุกสนาน ร่าเริง เหมือนอยู่ในโลกการ์ตูน เป็นระบบเศรษฐกิจที่ไม่ว่าคนเราจะอยู่วัยไหนก็ตาม ก็จะเหมือนอยู่ในวัยเด็กเสมอ

คืนนี้ผมมาพักอยู่ที่ไร่องุ่น กรานมอนเต้ ที่เขาใหญ่ครับ มาทำงานวิจัยภาคสนาม 3 วัน อากาศหนาวเย็นสบายครับ อยากให้ท่านผู้อ่านมาเที่ยวแถวนี้บ้าง นี่ผมไม่ได้ใช้วิศวกรรมอารมณ์อยู่นะครับ แต่บรรยากาศตอนนี้ช่างดีจริงๆ .......