หมู่นี้ผมได้ข่าวท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไปปาฐกถาตามงานต่างๆ ซึ่งท่านพูดถึงเรื่อง Creative Economy หรือ เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ บ่อยมาก นัยว่าในมุมมองของท่านนั้น คนไทยเราน่าจะมีความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างดี เศรษฐกิจแบบนี้จึงน่าจะเหมาะกับบ้านเรามากกว่า Knowledge-Based Economy หรือเศรษฐกิจฐานความรู้ ซึ่งเคยถูกใช้เป็นเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนสังคมไทย ในยุคของนายกรัฐมนตรีคนก่อน คือ พตท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร แต่ในที่สุด พวกเราเองคงจะรู้ตัวว่า สังคมไทยเป็นสังคมฐานความรู้ไม่ได้ เพราะเรายังไม่มีศักยภาพในการผลิตความรู้ขึ้นใช้เอง เนื่องจากสังคมของเรายังอ่อนแอ ในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งโดยทั่วไป เขามักจะวัดกันที่ผลงานตีพิมพ์ระดับสากล และการจดสิทธิบัตร ซึ่งเรายังแพ้ประเทศเล็กๆ อย่างสิงคโปร์
เท่าๆที่ผมติดตามข่าวท่านนายกฯ ไปพูดที่นั่นที่นี่ ผมถึงเพิ่งเข้าใจความหมายของ Creative Economy ที่ท่านนายกฯ กำลังพูดถึง เพราะท่านเน้นความเป็นไทย อันได้แก่ ความสามารถด้านศิลปะต่างๆ งานหัตถกรรม จิตรกรรม วิจิตรศิลป์ และอื่นๆ ที่เราสั่งสมมาจากสมัยโบราณ ไม่ใช่ Creative Economy ที่อยู่บนฐานของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่เป็น Creative Economy ที่อยู่บนฐานของศิลปวัฒนธรรม ที่เป็นจุดเด่นของประเทศเรา ซึ่งอันที่จริงก็เป็นสิ่งที่น่าจะถูกต้องครับ เพียงแต่ สินค้าที่เราคิดว่า creative ต่างๆ นี้ มันสามารถที่จะส่งออกไปยังตลาดโลกได้จริงหรือไม่ ? ตลาดต่างๆ นอกประเทศไทยจะพึงพอใจสินค้าทางด้านศิลปวัฒนธรรมของเรามากเพียงใด เราจะแข่งกับสินค้าอารมณ์จากเกาหลีได้หรือ ???
Creative Economy วางจุดโฟกัสที่ตัวผู้ผลิตสินค้าว่าต้องมีความคิดสร้างสรรค์สูง ผลิตสิ่งที่เป็นของใหม่ๆ มีความโดดเด่น เป็นตัวของตัวเอง ในขณะที่เศรษฐกิจอีกแบบที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้คือ Inspiration Economy จะวางจุดโฟกัสที่ผู้ซื้อครับ เพราะเศรษฐกิจแบบนี้ ตัวสินค้าจะไปสร้างแรงบันดาลใจให้ตลาด ให้ผู้ซื้อเกิดความอยากได้ รวมถึงไปสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ผลิตเจ้าอื่น อยากทำตาม อยากพัฒนาตัวสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบสนองแรงบันดาลใจเหล่านี้ เป็นเศรษฐกิจที่มีแรงลอยตัว และหนุนให้เกิดการสร้างสรรค์ ทั้งคนผลิตและคนใช้ หลายๆ ประเทศที่มีนวัตกรรมสูง อย่างประเทศสแกนดิเนเวีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น กำลังมุ่งสู่เศรษฐกิจแนวนี้ครับ ซึ่งวิทยาศาสตร์ทางด้านจิตใจ และ ประสาทวิทยา สามารถให้เหตุผลได้ ในตอนหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังครับ ว่าการเข้าใจสมองมนุษย์ และศาสตร์การรับรู้ของคน ทำให้เราสามารถสร้างสินค้าแบบบันดาลใจได้ ......