22 มกราคม 2556

Gamification - ทำโลกนี้ให้เป็นเกมส์ (ตอนที่ 1)




(Picture from www.viralblog.com)

ท่านผู้อ่านทราบมั้ยครับว่า เกมส์ต่างๆ ที่ขายกันบนโลกมนุษย์ใบนี้นั้นมีมูลค่าตลาดเท่าไหร่  ข้อมูลตลาดบ่งชี้ว่า เฉพาะวีดิโอเกมส์ หรือเกมส์ที่เป็นเครื่องเล่นเฉพาะแล้วมาเสียบต่อกับโทรทัศน์นั้น ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดถึง 2 ล้านล้านบาท และจะเติบโตเป็น 2.5 ล้านล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า  โดยประมาณกันว่าเกมส์แบบออนไลน์จะมีมูลค่ามากถึง 1 ล้านล้านบาท ในอีก 5 ปี ซึ่งจะเห็นว่าแนวโน้มของคนเล่นเกมส์นั้น มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งผู้คนใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น เกมส์ก็จะกระจายไปสู่วิถีชีวิตของประชากรโลกมากยิ่งขึ้น  เกมส์เชิงสังคมอย่าง Social Games บน Facebook และบนแท็ปเล็ต และ สมาร์ทโฟนต่างๆ ทั้ง android และ Apple กำลังเข้าครอบครองความบันเทิงทั้งในบ้านและในที่ทำงานของผู้คนทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นเล็ก ผู้เชี่ยวชาญด้านเกมส์กล่าวว่า ไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่เกมส์จะประสบความสำเร็จ ในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คนได้เหมือนสมัยนี้อีกแล้ว เพราะตอนนี้เกมส์ได้เข้าไปอยู่ในดวงใจของประชากรทั้งรุ่นเด็ก รุ่นวัยทำงาน และรุ่นเกษียณ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

นักอนาคตศาสตร์มองว่าศตวรรษที่ 21 เป็นศตวรรษแห่งเกมส์ เกมส์จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แม้แต่งานต่างๆ ก็จะมีความเป็นเกมส์มากขึ้น โดยเฉพาะเกมส์ที่มีผู้เล่นหลายๆ คน เป็นชุมชนออนไลน์ นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตการทำงานหรือกิจกรรมส่วนรวม ที่ได้ผลตอบแทนเป็นความสนุก การได้ลัลล๊า แทนค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงิน จะมีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ งานประเภท DIY งานแบบเปิดเผยอย่าง Open Source หรือ แม้แต่เป็นนักวิทยาศาสตร์ประเภท Citizen Scientist ที่รับงานวิจัยบางอย่างมาทำที่บ้านแบบการกุศล จะได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ครับ คนเหล่านั้นอยากเข้ามาทำงานแบบนี้มากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้ค่าตอบแทนในรูปตัวเงิน แต่พวกเขาจะมีความสุขสนุกกับการทำงานพวกนี้ ดั่งว่ามันเป็นสิ่งเสพติด ที่พวกเขาสามารถอยู่กับมันได้นานๆ สามารถใช้แรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรได้อย่างเต็มที่ รวมไปถึงการได้แบ่งปันประสบการณ์กับคนอื่นๆ เราจึงมักได้เห็นกลุ่มคนมารวมกันขี่จักรยานท่องเที่ยวตามชนบท การออกไปทัวร์ ไหว้พระ 9 วัด หรือพวกคาราวานออกแจกจ่ายสิ่งของเสื้อผ้ากันหนาวแก่ชาวเขาในช่วงฤดูหนาว เป็นต้น

"โลกนี้คือละคร" คุณแม่ชอบเปิดเพลงนี้ตอนผมเด็กๆ ชีวิตของแต่ละคนในโลกใบนี้ เดินไปตามบทที่วางไว้ ไม่ต่างไปจากตัวแสดงในละคร ฉากความสุข ฉากความเศร้าผ่านเข้ามา สุดท้ายละครก็จบลงโดยทุกๆ คนที่เกิดมาก็ต้องตาย ผมฟังเพลงนี้ทีไรรู้สึกว่ามันหดหู่เหลือเกิน โลกนี้ช่างไม่น่าอยู่เสียนี่กระไร ....

แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมกลับพบว่าแท้จริงแล้ว "โลกนี้คือเกมส์" โดยเราเป็นผู้เล่นที่สามารถจะกำหนดแผนการเล่นของเราได้ ไม่มีใครเขียนบทให้เราเดิน ไม่มีใครมากำกับชีวิตเรา เราต่างหากที่เป็นผู้กำหนดการเล่นของเราเอง โดยเราต้องเอาชนะอุปสรรคต่างๆ สะสมแต้ม ผ่าน Level แล้วไปถึงเป้าหมายคือรางวัลชีวิตให้ได้ โลกที่เป็นเหมือนเกมส์นี้ จึงมีแต่ความท้าทาย คละเคล้าไปด้วยความสนุกสนาน ความบันเทิง และความสุขเมื่อเราสามารถอัพ Level ขึ้นไป

การทำให้โลกแห่งชีวิตจริง กับ โลกของเกมส์ มาบรรจบกัน หรือ การทำให้ชีวิตจริงมีความเป็นเกมส์ กำลังเป็นที่สนใจของนักพัฒนาเทคโนโลยีทั่วโลกครับ เราสามารถใส่ความเป็นเกมส์ลงไปในกิจกรรมชีวิตได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ตื่นนอน ขับรถออกไป ในที่ทำงานก็ทำให้เป็นเกมส์ได้ แม้แต่จีบผู้หญิงเราก็สามารถใส่ความเป็นเกมส์เพื่อให้กิจกรรมดูท้าทายยิ่งขึ้น ตัวผมเองก็กำลังทำวิจัยในการสร้างอุปกรณ์ เซ็นเซอร์ต่างๆ ที่จะช่วยทำให้กิจกรรมในชีวิตประจำวันมีความเป็นเกมส์ ไม่ว่าจะเป็น หมอนอัจฉริยะ รองเท้าอัจฉริยะ ถุงมือข้อมูล จมูกอัจฉริยะ ส้วมอัจฉริยะ ฟาร์มอัจฉริยะ เสื้อดมกลิ่น เซ็นเซอร์บินได้ เซ็นเซอร์ลอยน้ำ และ หุ่นยนต์เกษตร สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้สามารถใส่ความเป็นเกมส์เข้าไป เพื่อทำให้การใช้ชีวิต การทำไร่ทำนา การนอนหลับ สนุกสนานเหมือนการเล่นเกมส์ ซึ่งผมจะนำความคืบหน้าในเรื่องเหล่านี้ มาเล่าให้ฟังในตอนต่อๆ ไปนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น