30 สิงหาคม 2555

Disruptive Education - การศึกษาแบบทะลุทะลวงโลก (ตอนที่ 2)



(Picture from http://bokis.is/ancient-education/)

สมัยผมยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย อยู่ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตอนนั้นยังมีระบบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยอยู่ครับ ซึ่งคนที่จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐ จะต้องสอบคัดเลือก โดยมีสิทธิ์เลือกได้ 6 อันดับ สิ่งที่กวนใจผมมากคือ เวลาผมไปดูว่าเพื่อนเลือกคณะอะไร แล้วผมไปเห็นว่าเพื่อนๆ หลายคน เลือกอันดับคณะต่างๆ ได้มั่วมาก เช่น 1. แพทย์จุฬาฯ 2. แพทย์เชียงใหม่ 3. วิศวจุฬาฯ 4. ทันตแพทย์ จุฬา 5. วิศวเชียงใหม่ 6. เภสัช จุฬาฯ ผมถามเพื่อนว่า "เฮ้ย ... ตกลง เอ็งอยากจะเป็นอะไรกันแน่วะ"

เด็กสมัยผม หรือแม้กระทั่ง เด็กสมัยนี้ มีสิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนกันครับ คือ ยังไม่รู้ว่าตัวเองโตขึ้นอยากทำอะไร อยากเรียนอะไร อยากเป็นอะไร ถนัดทำอะไร เราเลือกเป็นในสิ่งที่เราเรียน และ เราเลือกเรียน ตามระดับคะแนนที่เราได้ .... นี่มันอะไรกันครับ ทำไมเราไม่เรียนในสิ่งที่เราอยากเป็น เรียนในสิ่งที่อยากทำ แล้วทำให้เก่งในสิ่งที่เราชอบ

ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นเกษตรกร ผมอยากทำไร่ แต่ครอบครัวผมไม่สนับสนุนให้ผมเป็นเกษตรกร ผมเลี้ยงไก่ ปลูกพริก มะเขือ บวบ ผักคะน้า แล้วเอาไปขายมีรายได้ตั้งแต่เด็ก แต่ ... เมื่อผมโตขึ้นมา ผมกลับต้องไปเรียนในสิ่งที่ผมไม่ได้อยากเป็น ก็เหมือนๆ กับเด็กคนอื่นหล่ะครับ 

แต่ทว่า .... เพราะการศึกษาแบบทะลุทะลวงโลก นี่เองครับ ที่ทำให้ผมได้กลับมาทำสิ่งที่ผมชอบ ปัจจุบันผมทำวิจัยเทคโนโลยีทางด้านการเกษตร เป็นเจ้าของบริษัทผลิตและขายเครื่องมือทางด้านการเกษตร และกำลังจะเปิดบริษัทเทคโนโลยีเพื่อการจัดการฟาร์มเกษตร ซึ่งผมต้องใช้ศาสตร์หลายสาขาที่ไม่ได้มีสอนในคณะเกษตร แต่อย่างใด ... สิ่งที่ผมทำในเวลานี้ ผมไม่ได้เรียนมาจากมหาวิทยาลัย ไม่ได้เรียนตอน ป.ตรี ป.โท ป.เอก แต่เป็นสิ่งที่ผมเรียนจาก YouTube, TED, Online Courses, Online Journals/Magazine, Google, iPad, Internet TV, การสัมมนาตามโรงแรมต่างๆ การประชุมวิชาการทั้งในและต่างประเทศ Trade Fairs งาน Expo ต่างๆ รวมถึงการออกไปทำงานในไร่จริง  แหล่งเรียนรู้ของผมอยู่ยังอยู่บนเมฆด้วยครับ (Cloud Computing) ... ผมได้รู้ว่า คนที่รู้เรื่ององุ่นมากที่สุดไม่ใช่อาจารย์มหาวิทยาลัย แต่เป็นเจ้าของไร่องุ่นที่ปากช่อง

หากถามว่า การจะจบปริญญาตรีสักใบจะต้องใช้เวลากี่ปี หลายๆ คนคิดว่า 4 ปีใช่ไหมครับ แต่จริงๆ เราเรียนกันแค่ 2 ปีครึ่งเท่านั้น เพราะปี 1 มีแต่วิชาพื้นฐาน ส่วนปี 4 ก็จะใช้เวลาฝึกงานหรือทำโครงการไปแล้วครึ่งปี ดังนั้น การที่เราจะมีปริญญาตรีในเรื่องที่เราไม่ได้จบมาอีกสักใบ ขอให้เราสนใจ และลงมือทำในสิ่งนั้นอย่างจริงจัง เพียงแค่ 2.5 ปี เราก็จะเหมือนจบปริญญาตรีในสาขานั้นเองหล่ะครับ และเราจะจบกี่ใบก็ได้ ขอให้เราตั้งใจจริงๆ

ถึงยุคที่เราจะเรียนในสิ่งที่เราเป็นแล้วครับ หมดยุคของการกวดวิชาเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ถ้าใครยังทำแบบนั้นอยู่ ยังเป็นในสิ่งที่เรียน ก็ไม่พ้นต้องตกเป็นลูกจ้างทำงานให้คนอื่นหล่ะครับ ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น