19 ธันวาคม 2553

Making Things Love - ทำโลกนี้ให้มีแต่รัก (ตอนที่ 2)


ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เวลาพวกเราไปเที่ยวทะเลกัน ผมก็มักจะถามเพื่อนๆ ว่า "เออ ... ใครรู้บ้าง ทำไมเวลามาทะเลแล้วถึงรู้สึกเหงา" เวลาเราไปเที่ยวภูเขาก็เหมือนกัน เราจะรู้สึกสบายใจมากๆ หากได้ยืนจากที่สูง มองออกไปไกลๆ แล้วเห็นภูเขาสองข้างมาบรรจบกัน โดยเฉพาะหากมีแม่น้ำสายเล็กๆ ไหลคดโค้ง เลาะเล็มไปตามไหล่เขา ก็จะได้ใจ รู้สึกอินเลิฟกับวิวทิวทัศน์ไปกับมัน นักวิทยาศาสตร์เคยตั้งข้อสังเกตว่า ความรู้สึกอินเลิฟเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ไม่ว่าชาติไหนภาษาไหนก็เกิดขึ้นแบบนี้กันหมด แต่มันเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในดีเอ็นเอของมนุษย์กันเลยทีเดียวครับ เพื่อให้เรารู้สึกอินกับความสวยงามของสิ่งนี้ เพราะมันแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และทำให้มนุษย์เราแสวงหาการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่แบบนี้จนดำรงพงษ์เผ่ามาได้จนทุกวันนี้ครับ

มนุษย์เรามีหัวจิตหัวใจ มีความรู้สึกกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ เรารู้สึกเหงาเมื่อไปทะเล อินเลิฟเมื่อไปไร่องุ่นหรือภูเขา สดชื่นเมื่อไปน้ำตก โรแมนติกเมื่ออยู่ในสถานที่โทนสีโอ๊กไฟสลัวๆ เรามีอันตรกริยาทางด้านจิตใจกับสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา แล้วทำไมเราไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมมีความรู้สึกแบบนั้นกับเราบ้างล่ะครับ ... นี่ล่ะครับ จะเป็นประเด็นใหม่ทางการวิจัยที่ผมกำลังสนใจและค้นคว้า เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำให้ความรู้สึก และอารมณ์ เป็นสิ่งที่แลกเปลี่ยนกันได้ ไม่ต้องเก็บเอาไว้คนเดียวอีกต่อไป ลองจินตนาการถึงบ้านที่รับรู้อารมณ์และความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย ห้องนั่งเล่นที่สามารถปรับเปลี่ยนแสงไฟตามสภาวะอารมณ์ของเรา พร้อมกับเปิดเสียงดนตรีและปล่อยกลิ่นที่สอดคล้องกับอารมณ์ผู้อาศัย รถยนต์ที่สามารถรับรู้อารมณ์ของผู้ขับขี่ได้ และพร้อมเตือนอันตรายที่อาจเกิดขึ้นหากผู้ขับขี่อยู่ในสภาพเหม่อลอย ร้านค้าที่สามารถจับความรู้สึก และรับรู้อารมณ์ของลูกค้าได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ที่สามารถเลือกสรรสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้

งานวิจัยเทคโนโลยีทางด้านนี้อาจแบ่งออกคร่าวๆ ได้เป็น 5 ด้านครับ ได้แก่ (1) เทคโนโลยีสำหรับการสื่อสารข้อมูลอารมณ์ ความรู้สึก หรือแสดงออกทางด้านความรู้สึกออกไป ไม่ว่าจะเป็นการแสดงทางรูปภาพ เสียง หรืออาการต่างๆ (2) เทคโนโลยีในการตรวจวัดอารมณ์ หรือตรวจจับความรู้สึกต่างๆ ของมนุษย์ รวมไปถึงการประเมินและทำนายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น (3) เทคโนโลยีในการแสดงออกเพื่อตอบสนองทางด้านอารมณ์ต่างๆ กับมนุษย์ หรือการมีอันตรกริยาทางด้านอารมณ์และความรู้สึกกับมนุษย์ (4) เทคโนโลยีในการจำลองสภาพอารมณ์ภายในของจักรกลเอง กล่าวคือ ทำเสมือนกับว่าตัวจักรกลนั่นเองที่มีอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับมนุษย์เรา (5) งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสังคมวิทยา ปรัชญา และจริยธรรมในเรื่องของการทำให้จักรกลมีสภาวะอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด และมีอันตรกริยาทางด้านอารมณ์และความรู้สึกกับตัวมนุษย์

ในตอนต่อๆ ไป ผมจะพยายามนำความก้าวหน้าในแต่ละด้านมาเล่าให้ฟังนะครับ .....

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ21 ธันวาคม 2553 เวลา 05:55

    ผมว่านะ คนเราเดียวนี้กำลังเดินหนีกันรากเงาของเราที่เคยเป็นมา

    คนเรากำลังตีกรอบ เพื่อฆ่าตัวเองทางอ้อม

    เราเคยอยู่กับธรรมชาติ แต่ตอนนี้เราอยู่กับเทคโนโลยี และค่านิยม

    จนเมื่อกลับไปหาธรรมชาติ เราจึงรู้สึกว่า เรากลับมายังที่เดิมของเรา

    ซึงไม่แปลกเลย ที่เรารู้สึกแบบนั้น



    แม้แต่เรื่องที่น้ำมันทวมบ้านเราเดียวนี้ก็เช่นกัน

    เราสร้างบ้านเรือนสร้างตึกไปขวางทางน้ำซะเอง

    เพราะผมเห็นว่าบ้านย่าผมที่อยู่ นครนายก บ้านเค้าท่วมทุกปีไม่เห็นเป็นไรเลย

    เพราะไม่ได้สร้างบ้านไว้ใกล้กับคลองมากนัก

    เหมือนกับเรากำลังเดินไปหาจุดจบ.. ซะเอง

    ตอบลบ
  2. ถ้าอาจารย์หาผู้ตอบแบบสอบถามส่งมาไ้ด้น่ะค่ะ ยินดีค่ะ

    ตอบลบ