04 ตุลาคม 2552

The Future of Meat - อนาคตของอาหารเนื้อสัตว์ (ตอนที่ 3)


วันนี้เป็นวันออกพรรษา หลายๆท่านคงจะออกไปทำบุญกัน ผมมีเพื่อนหลายคนครับที่พยายามจะงดดื่มเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ ในระหว่างเข้าพรรษา (ผมก็เลิกเหล้าเข้าพรรษากับเขาเหมือนกันครับ แต่เบียร์ไวน์ ยังดื่มอยู่) แต่ส่วนหนึ่งก็พรรษาแตกกันใกล้ๆ จะออกนี้แล้ว บางคนก็อยู่มาถึงวันนี้ พรุ่งนี้คงไปฉลองกันใหญ่
วันนี้บรรยากาศออกแนวพุทธ พุทธ ผมเลยขอคุยต่อในเรื่องของแนวโน้มใหม่ ที่เราอาจจะมีโอกาสทำบาปน้อยลงจากการบริโภคเนื้อสัตว์ ในตอนที่แล้ว ผมได้พูดถึงเรื่องการ "ปลูกเนื้อสัตว์" หรือ in vitro meat ซึ่งจะทำให้เราปลูกสัตว์ได้เหมือนปลูกพืช ซึ่งเราจะสามารถปลูกน่องไก่ ตับหมู เนื้อสันนอก เนื้อสันใน เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ ผมเคยพูดถึงเรื่องการทำไร่ในอาคารสูง ซึ่งว่ากันว่าจะเป็นอนาคตของเกษตรกรรม เพราะการผลิตพืชอาหาร จะย้ายจากชนบทมาสู่เมือง เป็นการนำสถานที่ผลิตมาอยู่ใจกลางสถานที่บริโภค เขาวิจัยออกมาแล้วครับว่า การอยู่ในเมืองมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและทรัพยาการมากกว่าการกระจายกันอยู่ในชนบท ถ้ามนุษย์ทั้งหมดย้ายเข้ามาอยู่รวมกันในเมือง เราสามารถคืนพื้นที่การเกษตรกลับสู่ธรรมชาติ ปล่อยให้ป่ากลับสู่สภาพเดิมของมัน การทำไร่ในอาคารสูงสามารถที่จะทำในจุดที่มีการบริโภค เช่น บนอาคารมีการผลิตพืชผักแล้วขายในซูเปอร์มาเก็ตชั้นล่างได้เลย หากนำเทคโนโลยีการทำไร่ในอาคารสูง มารวมกับเทคโนโลยีปลูกสัตว์ เราก็จะได้ระบบเกษตรกรรมในเมือง (Urban Agriculture) ที่สมบูรณ์แบบครับ มีทั้งการผลิตพืชและสัตว์ในเมือง เมืองจะเป็น Sustainable City ไม่ต้องพึ่งพาชนบทอีกต่อไป

อีกหน่อย วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา จะไม่มีรถติดแล้วครับ เพราะไม่ต้องมีใครกลับบ้านไปทำบุญแล้ว ในเมื่อชนบทไม่มีคนอยู่แล้ว ทุกที่ที่ไม่ใช่เมืองจะเป็นป่า และ อุทยานแห่งชาติ จะว่าไปแล้วในสมัยก่อน การตั้งอาณาจักรก็จะรวมกันอยู่ในชุมชนใหญ่ๆ เป็นนครและหัวเมืองเท่านั้น ไม่มีใครอยู่ในชนบทหรอกครับ เพิ่งจะไม่นานมานี้ ที่การทำเกษตรเพื่อเลี้ยงประชากรจำนวนมากขึ้นทำให้มนุษย์ไปบุกป่า และอาศัยอยู่ในชนบทมากขึ้น แต่ในอนาคตเราจะเลิกอยู่ในชนบท แล้วกลับมารวมกันอยู่เป็นเมืองใหญ่ เหมือนเดิมอีกครั้ง ...... ผมฝันถึงวันนั้นครับ .....


(ภาพบน - วัวเป็นสัตว์ที่น่ารักไม่ต่างอะไรจากหมีแพนด้า แต่เนื้อของมันก็อร่อย .... เมื่อไหร่เราจะเลิกเบียดเบียนพวกมันได้เสียที .....)