24 ธันวาคม 2551

I, Nanny - หุ่นยนต์พี่เลี้ยงเด็ก (ตอนที่ 1)


เดี๋ยวนี้คนไทยแต่งงานน้อยลง ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะผู้หญิงสมัยนี้ไม่ค่อยง้อผู้ชายแล้ว พอเราไปจีบก็จะเล่นตัวอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนผู้ชายก็ชอบอิสระมากขึ้น มีชีวิตแบบ Metrosexual ก็ไม่ค่อยอยากตามตื้อผู้หญิง ชอบอยู่แบบแวดล้อมด้วยเพื่อนฝูงมากกว่า ท่านผู้อ่านคิดอย่างนั้นใช่ไหมครับ แต่ความจริงก็คือ คนเราแต่งงานน้อยลงเพราะการเลี้ยงดูลูกสมัยนี้มันทำได้ยากขึ้นต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการเลี้ยงดูเขาก่อนวัยเรียน พี่เลี้ยงเด็กนั้นเป็นอะไรที่เป็นเรื่องปวดหัวของทุกบ้าน ลูกของผมคนโตเคยมีพี่เลี้ยงเด็กถึง 14 คน (ครั้งละคนนะครับ) คนเล็กเคยเปลี่ยนไป 12 คนงานเลี้ยงเด็กนี่เป็น List ท้ายๆ ของ Job ที่คนอยากจะทำครับ พ่อแม่เองก็ไม่มีทางเลือก ส่วนใหญ่สมัยนี้ให้แต่คนต่างชาติเลี้ยง ลูกของญาติผมพูดไทยไม่เป็น พูดเป็นแต่พม่า ลูกผมคนเล็กดีหน่อย แค่พูดคำว่า "ควาย" ไม่ได้ ออกเป็นอย่างอื่น แต่ที่โรงเรียนเขาแก้ให้แล้ว


ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ครับ นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจึงมีความคิดจะพัฒนา หุ่นยนต์พี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งต่อไปในอนาคตมันจะเข้าทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกแทนพี่เลี้ยงต่างชาติ ตอนผมไปญี่ปุ่นผมได้เห็นเจ้าหุ่นพี่เลี้ยงเด็ก 2 ยี่ห้อ ซึ่งจะนำมาฝากในวันนี้ จริงๆ แล้ว น่าจะเรียกว่าหุ่นเพื่อนเล่นเด็กมากกว่า เพราะมันยังได้แค่เล่นกับเด็ก ยังดูแลขนาดเปลี่ยนผ้าอ้อมไม่ได้ ป้อนข้าวป้อนน้ำไม่ได้ แต่หุ่นยนต์นี้ก็มีความสามารถมากกว่าเล่นกับเด็กนะครับ เพราะเขาก็ดูแลเด็กได้ระดับหนึ่ง ตัวแรกคือ Hello Kitty Robo ซึ่งเราสามารถตั้งหน้าที่ให้มันอยู่ใน Friend Mode, Parent Mode ก็ได้ พ่อแม่มักจะเซ็ตให้เครื่องทำหน้าที่ Parent Mode เพื่อแบ่งเบาภาระการพูดคุยกับลูก เจ้าหุ่นจะจ้อได้ทั้งวันโดยไม่บ่นเลย มันมีความสามารถในการกล่อมเด็กให้หลับ แถมสอนภาษาได้หลายภาษาอีกด้วย อีกตัวคือ Papero ของบริษัท NEC เจ้าตัวนี้ฉลาดขึ้นมาอีก เพราะมันมีความสามารถในการจดจำใบหน้าเด็ก จดจำเสียง มันสามารถเรียนรู้อารมณ์ของเด็กๆ ได้ มันร้องเพลงร่วมกับเด็กๆได้ เล่านิทาน เล่าเรื่องตลก เล่นเกมส์ทายใจ ส่งรูปเด็กๆทาง SMS ไปให้พ่อแม่ดูเป็นระยะๆ ทั้งนี้ หากใช้ร่วมกับ RFID microchip ก็จะทำให้มันติดตามการเคลื่อนที่ของเด็กได้


วันหลังผมจะมาเล่าต่อนะครับ .... ผมจะไปทำงานที่ไร่องุ่น 3 วัน คงจะกลับมาเล่าต่อช่วง weekend .... Merry X'mas ครับ .......