(Credit - Picture from http://vecto2000.com/)
โลกเรากำลังเข้าสู่ยุคแห่งความสำเริงสำราญ บนพื้นฐานเศรษฐกิจแบบใหม่ที่เรียกว่า Boutique Economy หรือ เศรษฐกิจยุคบูติค ท่านผู้อ่านอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับชื่อนี้เท่าไหร่ใช่ไหมครับ มาลองดูลำดับพัฒนาการของเศรษฐกิจประเภทต่างๆ กันก่อนนะครับ
(1) Agriculture-Based Economy เป็นเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการทำไร่ ทำนา เลี้ยงสัตว์ ประเทศทุกประเทศในโลก ล้วนเคยผ่านการมีเศรษฐกิจแบบนี้ครับ
(2) Industrial Economy เป็นเศรษฐกิจที่อยู่บนพื้นฐานของอุตสาหกรรม ประเทศไทยกำลังอยู่ในยุคนี้ครับ
(3) Service-Based Economy หรือ Knowledge-Based Economy (รวมไปถึง Experience Economy) เป็นระบบเศรษฐกิจที่พัฒนามาอีกขั้นหนึ่ง รายได้ประชาชาติส่วนใหญ่มาจากงานบริการ งานที่ใช้ความรู้ การสร้างนวัตกรรม ซอฟต์แวร์ โดยย้ายฐานการผลิตไปอยู่ในประเทศที่ยังอยู่ในยุค Industrial Economy
(4) Boutique Economy เศรษฐกิจแบบบูติก เป็นเศรษฐกิจที่เครื่องจักรใน 3 แบบแรกข้างต้น ก็คือ เกษตร อุตสาหกรรม และ เซอร์วิส ได้รับการยกเครื่องขนานใหญ่ จนทำให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจแบบบูติกนี้ มีทุกอย่างที่พึ่งพาตัวเองได้ มีเกษตรกรรมก้าวหน้า มีอุตสาหกรรมล้ำยุคที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีอุตสาหกรรมบริการที่สนุกสนาน และมีความสุข
ลองมาดูกันครับว่า ถ้าเราได้อยู่ในสังคมที่ประเทศเป็นบูติค รอบๆ ตัวเราจะมีลักษณะอย่างไร
- วิถีชีวิต ผู้คนมีความเป็นอยู่แบบ มีความสุขกันทั่วหน้า อาชีพและการทำงานในยุคบูติคจะมีความสนุก เร้าใจ น่าทำงาน คนจะทำงานที่บ้านมากขึ้น ผู้คนสดชื่น เบิกบาน และสุขภาพดี แต่ละคนล้วนทาครีมนาโนหน้าเด้ง
- อุตสาหกรรมไม่ปล่อยควันพิษและของเสียอีกต่อไป การผลิตมี ลักษณะเป็น Cottage Industry ที่การผลิตอยู่ในมือของ SME มีความสะอาด และกระจายอยู่ในชุมชนที่เป็นผู้ใช้ เป็นยุคที่ Desktop Manufacturing หรือ ระบบผลิตแบบตั้งโต๊ะ และ โรงงานจิ๋ว (Micro-factory) รวมไปถึงการผลิตแบบ 3D Printing มีความเจริญสูง มีเทคโนโลยี Mass Customizaton ซึ่ง กระบวนการผลิต สามารถทำให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคเป็นรายๆ ในจำนวนมากๆ ได้
- ระบบรักษาพยาบาลเป็นแบบบุคคล (Personal Medicine) มีระบบนำส่งยา (Drug Delivery) ที่มีประสิทธิภาพ
- การคมนาคมขนส่งใช้พลังงานสะอาด ถนนหนทาง บ้านเรือน ตึกรามอาคารต่างๆ ใช้วัสดุนาโนที่ทำความสะอาดตัวเองได้ ทางหลวงเป็น smart highway ที่สื่อสารกับรถยนต์ได้
- อาคาร บ้านเรือน เป็นอาคารฉลาด (Smart Building, Smart Home) มีระบบดูแลการใช้พลังงาน และบรรยากาศภายใน ตัวเมืองประดับประดาด้วยแสงสีจากจอภาพอินทรีย์ พลังงานที่ใช้ก็เป็นพลังงานสะอาด
- สินค้าต่างๆ จะมีการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ก่อนทำการผลิต และผู้บริโภคสามารถออกแบบเอง แล้วส่งให้ผู้ผลิตทาง Internet
- เสื้อผ้าอาภรณ์ มีความฉลาด มีสีสันสวยงามและปรับตามสภาพแวดล้อมได้ (Smart Garments)
- อาหารที่รับประทานไม่มีสารพิษ เพราะทุกอย่างผ่านการตรวจด้วยเซ็นเซอร์หมดทุกอย่าง ตั้งแต่ ฟาร์มจนถึงถังขยะ
- เกษตรจะย้ายจากชนบทมาสู่เมือง เป็นเกษตรในอาคารสูง (Vertical Farm) พื้นที่เกษตรกรรมจะถูกคืนให้เป็นป่า ฟาร์มมีความฉลาด (Smart Farm)
ฟังดูเหมือนโลกสวยใช่ไหมครับ แต่ผมเชื่อว่าวันนั้น ยังไงก็ต้องมาถึงแน่ครับ ถ้าเราไม่เลิกฝันเสียก่อน ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น