17 พฤษภาคม 2555

Are We Simulated in Computer ? - ฤาโลกนี้เป็นเพียงฝัน (ตอนที่ 10)


ในทางพระพุทธศาสนานั้นภพภูมิที่เรียกว่าสวรรค์ หรือ เทวโลก เป็นสถานที่ที่สัตว์โลกมาบังเกิดในรูปแบบที่เรียกว่า โอปปาติกะ คือเกิดขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนในสภาพที่โตเต็มที่ และไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ในการเกิด โดยกรรมที่บุคคลกระทำไว้ในภพภูมิก่อนหน้าจะเป็นตัวกำหนดว่า เทวดาตนนั้นจะมีสมบัติทิพย์ต่างๆ มากมายแค่ไหน มีอิทธิฤิทธิ์ ขนาดวิมาน จำนวนนางฟ้าที่จะมาปรนนิบัติ จะมากน้อยอย่างไรก็อยู่ที่บุญกรรมที่เคยสร้างไว้ ชีวิตในเทวโลกเป็นชีวิตทิพย์ เมื่อเทวดาหิวก็จะนิรมิตอาหารต่างๆ ขึ้นมารับประทาน โดยรสชาติความอร่อย ความหลากหลาย ความสวยงามน่ารับประทานก็ขึ้นกับเทวฤทธิ์ของตน สภาพแวดล้อมทิพย์ในเทวโลก เป็นสภาพที่สร้างขึ้นได้ กำหนดขึ้นได้ ตามกำลังสติปัญญาและกำลังกุศลของเทวดาแต่ละตนนั้นเอง

ในฐานะมนุษย์อย่างเรา เมื่อเรามองไปยังเทวโลก เราอาจจะมีความรู้สึกว่า สภาพทิพย์ในเทวโลกนั้นมันไม่ใช่ของจริง เป็นการสร้างขึ้นมาในจินตนาการของสิ่งมีชีวิตในภพนั้น ต่างๆ จากสภาพของภพภูมิของเราบนโลกมนุษย์ ที่ทุกอย่างรอบๆ ตัวเรานั้นเป็นของจริง มีตัวตน จับต้องได้ และเป็๋นไปตามกฏทางฟิสิกส์ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นโลกนั้นนิรมิตขึ้นมาไม่ได้เหมือนในเทวโลก ถ้าอยากเหาะได้ ก็ต้องสร้างยานพาหนะที่อาศัยแรงยกตัวด้วยกฎทางอากาศพลศาสตร์ อยากลอยน้ำได้ก็ต้องทำให้ตัวเรามีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ อยากรับประทานอาหารอร่อย ก็ต้องปรุงแต่งจากวัตถุดิบที่ดี เครื่องเทศที่เหมาะสม ทุกสิ่งทุกอย่างทำขึ้นมาได้แต่ต้องเป็นไปตามกฎทางฟิสิกส์

อย่างไรก็ตาม มีนักวิทยาศาสตร์อยู่กลุ่มหนึ่งที่เริ่มเชื่อว่า โลกที่เราอาศัยอยู่นี้อาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้ สิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวเรา สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ยิน โลกที่เราอยู่รวมทั้งร่างกายนี้ เป็นสิ่งที่อาจจะจำลองขึ้นบนคอมพิวเตอร์ก็ได้ และการที่จะพิสูจน์เพื่อให้รู้ว่าเรากำลังอาศัยอยู่ในโลกจำลองนี้ อาจแทบเป็นไปไม่ได้เลย .... ไม่แน่เหมือนกันว่า เรื่องที่ว่านี้ อาจเป็นเรื่องๆ หนึ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้เมือ 2,600 ปีที่แล้ว แต่เป็นสิ่งที่พระองค์ไม่ได้ทรงนำมาเปิดเผย เพราะทรงเล็งเห็นว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพ้นทุกข์ก็ได้ครับ

ถึงแม้การพิสูจน์ว่าโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ไม่ได้มีอยู่จริง แต่เกิดจากการจำลองในคอมพิวเตอร์จะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แต่แนวโน้มความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้น ทำให้เราเริ่มเชื่อแล้วครับว่า ชีวิตจำลอง (Simulated Life) อาจมีอยู่จริงก็ได้ นักวิทยาศาสตร์ประมาณการว่าสมองของมนุษย์นั้น มีความสามารถในการประมวลผลได้ 10^19 ครั้งต่อวินาที (10 ยกกำลัง 19 หรือ 10 ล้านล้านล้าน ครั้งต่อวินาที) ซึ่งปัจจุบันเรามีกำลังการประมวลผลสูงสุดอยู่ที่หลัก 10^15 ครั้งต่อวินาที ซึ่งยังช้ากว่าสมองมนุษย์เกือบหมื่นเท่า แต่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าในปี ค.ศ. 2050 เราจะมีคอมพิวเตอร์ที่มีกำลังประมวลผลสูงกว่าสมองมนุษย์ เมื่อถึงวันนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่า เราจะจำลองสิ่งที่เกิดขึ้นบนสมองของเรา ขึ้นไปไว้บนคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกนึกคิด ความทรงจำต่างๆ ลองคิดดูสิครับว่า หากเราอัพโหลดข้อมูลในสมองของเราให้ไปอยู่ในคอมพิวเตอร์ได้ ความรู้สึกนึกคิด ความเป็นตัวตนของเรา ก็จะไปรันอยู่ในคอมพิวเตอร์ แล้วถ้าหากเราจำลองสถานการณ์ต่างๆ เช่น บ้าน รถ เพื่อนบ้าน โลกรอบๆ ตัวเรา ให้อยู่กับสมองจำลองของเราที่อัพโหลดขึ้นไปแล้ว มันก็จะไม่ต่างจากตัวเราได้ไปเป็นโอปปาติกะในโลกจำลองเลย นั่นคือ เราได้สร้างเทวโลกที่เราเองสามารถนิรมิตสิ่งต่างๆ เพื่อให้เราสามารถมีชีวิตอยู่ที่นั่นได้ ตราบจนนิรันด์กาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น