เมื่อคนเรามีปัจจัยสี่ครบแล้ว เราจะเริ่มหาความสุขอื่นๆ เพื่อปรนเปรอร่างกายของเรา เมื่อความสุขทางกายมีครบถ้วนตามกำลังแล้ว เราก็เริ่มจะมองหาความสุขทางใจมาปรนเปรอภาวะทางอารมณ์ ความรู้สึก และทางปัญญา ในยุคที่เศรษฐกิจแบบแรงบันดาลใจ (Inpiration Economy) กำลังมาแรง สินค้าอารมณ์จะยิ่งขายดีขึ้น ดีขึ้น ไปเรื่อยๆ ครับ
ในจำนวนสินค้าอารมณ์ทั้งหลายนั้น ของเล่น เป็นสินค้าตัวหนึ่งที่ขายดีมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ใหญ่เริ่มกลับมาเล่นของเล่นแข่งกับเด็กมากขึ้น และเป็นของเล่นที่แพงด้วยครับ ของเล่นของลูกเราราคาแค่ไม่กี่สิบบาทถึงร้อยบาท แต่ของเล่นผู้ใหญ่ อย่างเช่น ตุ๊กตาบลายธ์ราคาเป็นหมื่น หุ่นยนต์เลโก้มายด์สตอร์มราคา 3 หมื่นกว่าบาท พวกของเล่นบังคับวิทยุแบบที่ผู้ใหญ่เล่นกันก็ราคาสูงทั้งนั้น เฮลิคอปเตอร์บังคับวิทยุ เครื่องบินบังคับวิทยุ ที่หมู่บ้านของผมก็มีชมรมของคนเล่นเรือเร็วบังคับวิทยุ ซึ่งก็อยู่ในราคา 2-3 หมื่นขึ้นไป เพื่อนบ้านของผมก็เล่นของเล่นจิ๋วต่างๆ ส่วนที่บ้านผมเองนั้น ของเล่นในบ้านของเรานั้น มีมูลค่ามากกว่าแก้วแหวนเงินทองที่เราเก็บกันอีกครับ จนผมต้องติดตั้งสัญญาณกันขโมยที่บ้าน เพราะกลัวว่าของเล่นจะหายครับ
การสะสมของเล่น มันจะช่วย inspire ตัวเราเองให้มีอารมณ์เป็นเด็กอยู่เสมอ ทำให้เรามองโลกรอบๆตัวเป็นความสนุกสนานไปหมด มองงานเป็นเกมส์ มองผู้อื่นเป็นมิตรร่วมเล่นเกมส์ของเราอยู่ การสะสมของเล่น วางของเล่นรอบๆโต๊ะทำงาน จะทำให้เกิดความสดชื่นในการทำงาน ทำให้งานดูไม่น่าเบื่อ ซึ่งมันก็จะช่วย inspire เพื่อนร่วมงานในที่ทำงานให้เกิดความสุข สนุกสนานไปด้วยครับ สังคมรอบๆ ของเราจะเป็น Community of Inspiration ที่มีแต่ความน่าอยู่น่ารื่นรมย์
การมีของเล่นสะสม กระจุ๊กกระจิ๊กที่บ้าน จะช่วย inspire คนในครอบครัวของเรา ลูกๆของเราซึ่งอยู่ในวัยเด็ก จะซึมซับความสดใสที่ได้จากการเก็บสะสมของเล่น การนำมันออกมาเล่นในบางครั้ง จะกระตุ้นเซลล์สมองของเขาได้ นอกจากนั้นของเล่นเหล่านี้ยัง inspire ลูกๆของเพื่อนบ้านรอบๆ บ้านเรา เกิดการ inspire ให้เกิดสังคมเพื่อนบ้านที่มีความสุข
ยังมีเรื่องให้คุยอีกเยอะครับใน Inspiration Economy ในตอนต่อๆ ไปครับ ......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น